บทความนี้หรือส่วนนี้ของบทความต้องการปรับรูปแบบ ซึ่งอาจหมายถึง ต้องการจัดรูปแบบข้อความ จัดหน้า แบ่งหัวข้อ จัดลิงก์ภายใน และ/หรือการจัดระเบียบอื่น ๆ คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นปรับปรุงหรือจัดรูปแบบอื่น ๆ ในบทความให้เหมาะสม |
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส | |
---|---|
เสรีพิศุทธ์ใน พ.ศ. 2561 | |
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ | |
ดำรงตำแหน่ง 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 – 1 กันยายน พ.ศ. 2566 (4 ปี 161 วัน) | |
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561 (ข้อผิดพลาด: แม่แบบ:อายุปีและวัน รองรับเฉพาะปีพุทธศักราช หากใช้เป็นคริสต์ศักราช กรุณาใช้ แม่แบบ:Age in years and days) | |
ก่อนหน้า | ไพบูลย์ พึ่งทองหล่อ |
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ | |
ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 – 8 เมษายน พ.ศ. 2551 (0 ปี 190 วัน) | |
รักษาการแทน | พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ (กุมภาพันธ์ - เมษายน พ.ศ. 2551) |
ก่อนหน้า | พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ |
ถัดไป | พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 3 กันยายน พ.ศ. 2491 จังหวัดธนบุรี ประเทศไทย |
พรรคการเมือง | เสรีรวมไทย (2561 - ปัจจุบัน) |
คู่สมรส | พัสวีศิริ เตมียเวส |
บุตร | 3 คน |
ลายมือชื่อ | |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | ไทย |
สังกัด | กรมตำรวจ- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ |
ประจำการ | พ.ศ. 2515–2551 |
ยศ | พลตำรวจเอก |
พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ม.ป.ช. ม.ว.ม. ร.ม.ก. (ชื่อเกิด เสรี เตมียเวส; เกิด 3 กันยายน พ.ศ. 2491) ชื่อเล่น ตู่ เป็นอดีตข้าราชการตำรวจและนักการเมืองชาวไทย หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ (ชุดที่ 25 และ ชุดที่ 26) อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง อดีตผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และอดีตผู้บังคับการปรามปราบ อดีตนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ เจ้าของฉายา "วีรบุรุษนาแก" และ "มือปราบตงฉิน"
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เดิมชื่อ เสรี เกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2491 ที่จังหวัดธนบุรี เป็นบุตร นายชื้น และ นางอรุณ สมรสกับพัสวีศิริ (สกุลเดิม เทพชาตรี) มีบุตรด้วยกัน 3 คน คือ นางสาวศศิภาพิมพ์, นายทรรศน์พนธ์ และนางสาวทัศนาวัลย์ โดยสกุล “เตมียเวส” เป็นนามสกุลที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2458 เลขสกุลลำดับที่ 2081 โดยพระราชทานแก่นักเรียนทหารกระบี่ ตุ๋ย (เล็ก)[1]
เสรีพิศุทธ์จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนทวีธาภิเศก หลังจากนั้นจึงได้ศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 8 (ตท.8) และ โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่นที่ 24 (นรต.24) เคยรับราชการอยู่ที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ช่วง พ.ศ. 2515-2524 ได้ต่อสู้ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์อย่างเด็ดเดี่ยว และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 5 และเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1[2] ซึ่งต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้ทำพิธีสถาปนาให้เป็นขุนพลของประชาชน ณ ศาลาประชาคม จังหวัดนครพนม ด้วยผลงานที่เสรีพิศุทธ์ ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ด้วยความกล้าหาญ เสียสละ จนได้รับการขนานนามว่า "วีรบุรุษนาแก"[3] นอกจากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ฯยังได้รับพระราชทานรางวัล “คนไทยตัวอย่าง”[ต้องการอ้างอิง] รางวัล “บุคคลดีเด่นของชาติ” จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ[ต้องการอ้างอิง] รางวัล “ข้าราชการที่ประพฤติตนชอบด้วยความซื่อสัตย์สุจริต” จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ[ต้องการอ้างอิง] ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากหลายมหาวิทยาลัย
เขาเคยดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการปราบปราม เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อ พ.ศ. 2533 - 2534 วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2534 ได้มีผู้วางระเบิดห้องทำงานเขาขณะดำรงตำแหน่งดังกล่าว[4] และต้องพ้นจากตำแหน่ง ภายหลังเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2534 ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น เสรีพิศุทธ์ นัยว่า เพื่อแก้เคล็ด เนื่องจากชื่อไม่ถูกโฉลก [5]
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจภาค 2) ได้จับกุม และดำเนินคดีกับนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ผู้กว้างขวางของจ.ชลบุรี และภาคตะวันออก ในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินทิ้งขยะที่เขาไม้แก้ว จนศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกกำนันเป๊าะ
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ฯ มีภาพลักษณ์เป็นนายตำรวจมือปราบที่ซื่อตรง ได้ฉายาว่า "มือปราบตงฉิน"[6]} ผู้มีอำนาจในหลายรัฐบาลมักเลือกเขาให้เข้ามาสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญที่สังคมและสื่อตั้งข้อสงสัย[ต้องการอ้างอิง] มีการจับกุมนักการเมือง รัฐมนตรี เจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลหลายต่อหลายคน[ต้องการอ้างอิง] ทำให้ได้รับผลกระทบจากการเมืองบ่อยครั้ง โดยมักถูกโยกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ได้ควบคุมกำลัง เช่น กองวิทยาการตำรวจ หรือ ประจำกรมตำรวจ เป็นต้น[ต้องการอ้างอิง]
กระนั้น เขาก็ยังได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญ เช่น ผู้บังคับการปราบปราม ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จเรตำรวจแห่งชาติคนแรก [7][8]
เขาได้รับแต่งตั้งให้รักษาการตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 แทน พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ ที่ได้รับคำสั่งไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และได้รับการโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ต่อมาวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2550 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ได้มีประกาศ ฉบับที่ 1 แต่งตั้งเขาเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ
ในการสับเปลี่ยนกำลังพลครั้งแรก เขาย้ายผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ไปต่างจังหวัด ผู้ใกล้ชิดกับอดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ และอดีตนายกรัฐมนตรี ดร. ทักษิณ ชินวัตร ถูกย้ายไปตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจ ขณะเดียวกัน เขาเลื่อนยศนายตำรวจหลายนายที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขาให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ซึ่งเป็นอดีตผู้ช่วยใกล้ชิดของเสรีพิศุทธ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท. ถาวรศักดิ์ เทพชาตรี พี่ชายของภรรยาเขา ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท. เจตนากร นภีตะภัฏ ซึ่งสมรสกับน้องสาวของภรรยาพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9[9]
เมื่อครั้งมีการยื่นเรื่องให้ถอดพล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี พล.ต.ท. ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ซึ่งปฏิเสธยื่นข้อกล่าวหาความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ต่อนักเคลื่อนไหวที่ยื่นเรื่องดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่ากฎหมายครอบคลุมเฉพาะพระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้น สองวันต่อมาเสรีพิศุทธ์ลดยศเขา[10]
เมื่อต้นปี พ.ศ. 2551 พ.ต.อ. ทินกร มั่งคั่ง อดีตนายเวร ที่ถูกเขาปลดออกจากราชการ ลงนามหนังสือร้องเรียนถึงสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีได้ลงรับหนังสือร้องเรียนทั้ง 3 ฉบับ ไว้พร้อมกันในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 วันรุ่งขึ้น สมัครออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และในวันเดียวกันนั้นก็ได้ออกคำสั่งย้ายเขาไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทน[11][12] วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551 สมัครก็ได้ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 73/2551 ให้เขาออกจากราชการไว้ก่อน วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เสรีพิศุทธ์แถลงข่าวว่าตนถูกปล้นตำแหน่ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม[13]
ต่อมาเมื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งให้ยุติการสอบสวน และยกเลิกคำสั่งให้เสรีพิศุทธ์ออกจากราชการไว้ก่อน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553 รวมระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 364 วัน[ต้องการอ้างอิง]
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ฟ้องร้อง พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในคดีหมิ่นประมาท แต่ศาลได้มีคำสั่งยกฟ้องในที่สุด[14]
ในวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555 พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ได้เปิดตัวแสดงเจตนาที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556 ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ในนาม "กลุ่มพลังกรุงเทพ"[15] โดยได้เบอร์ 11 และได้รับคะแนนทั้งสิ้น 166,582 คะแนน โดยมีคะแนนเป็นอันดับสามต่อจากพรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 2 พรรค และอันดับหนึ่งจากผู้สมัครอิสระที่ไม่สังกัดพรรคอีก 23 คน [16]
ภายหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 เขากล่าวผ่านสื่อวิพากษ์วิจารณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลหลายครั้งหลายคราว รัฐบาลสนองด้วยการออกหมายเรียก[17] วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 พ.อ. บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ในข้อหากระทำการที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ[18]
ในวันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2566 พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลให้นายมังกร ยนต์ตระกูล เลขาธิการพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับถัดมาได้เลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทน[19][20]
พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 2 สมัย คือ
เรื่องราวของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เคยถูกสร้างเป็นละคร"วีรบุรุษนาแก" ซึ่งออกอากาศทางไทยทีวีช่อง 3 เมื่อปี 2530 โดยสร้างจากชีวประวัติของท่านตอนช่วงสมัยที่ยังเป็นตำรวจตระเวนชายแดน ในขณะที่ท่านยังดำรงยศเป็นร้อยเอกจนถึงพันตำรวจเอกและยังใช้ชื่อ"เสรี เตมียเวส" ซึ่งผู้รับบทคือ พลโท อนุสรณ์ เดชะปัญญา (ขณะยศ ร้อยเอก)[21]
ก่อนหน้า | เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ | ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 – 30 กันยายน พ.ศ. 2551) |
พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ |