แฮหัวป๋า (เซี่ยโหว ป้า) | |
---|---|
夏侯霸 | |
ภาพวาดสมัยราชวงศ์ชิงแสดงการเสียชีวิตของแฮหัวป๋า | |
ขุนพลทหารม้าและรถศึก (車騎將軍 เชอฉีเจียงจฺวิน) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 249 – ค.ศ. ? | |
กษัตริย์ | เล่าเสี้ยน |
ขุนพลทัพขวา (右將軍 โย่วเจียงจฺวิน) | |
ดำรงตำแหน่ง ป. คริสต์ทศวรรษ 240 – ค.ศ. 249 | |
กษัตริย์ | โจฮอง |
ผู้พิทักษ์ทัพปราบปรามจ๊ก (討蜀護軍 เถาฉู่ฮู่จฺวิน) | |
ดำรงตำแหน่ง ป. คริสต์ทศวรรษ 240 – ค.ศ. 249 | |
กษัตริย์ | โจฮอง |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ไม่ทราบ[a] |
เสียชีวิต | ป. ค.ศ. 255–259 |
บุตร | ภรรยาของเอียวเก๋า ลูกชายอย่างน้อย 2 คน |
บุพการี |
|
ความสัมพันธ์ |
|
อาชีพ | ขุนพล |
ชื่อรอง | จ้งเฉฺวียน (仲權) |
สมัญญานาม | สูญหายไปตามกาลเวลา |
ตำแหน่ง | ปั๋วฉางถิงโหว (博昌亭侯) |
แฮหัวป๋า (เสียชีวิต ป. ค.ศ. 255–259) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า เซี่ยโหว ป้า (จีน: 夏侯霸; พินอิน: Xiàhóu Bà) ชื่อรอง จ้งเฉฺวียน (จีน: 仲權; พินอิน: Zhòngquán) เป็นขุนพลของรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊กของจีน เป็นบุตรชายคนที่สองของแฮหัวเอี๋ยน ขุนพลที่มีชื่อเสียงผู้รับใช้โจโฉขุนศึกผู้วางรากฐานของรัฐวุยก๊ก ราวปี ค.ศ. 249 แฮหัวป๋าแปรพักตร์ไปเข้าด้วยจ๊กก๊กที่เป็นรัฐอริของวุยก๊ก ภายหลังจากที่ผู้สำเร็จราชการสุมาอี้เข้ายึดอำนาจในวุยก๊กจากการก่อรัฐประหาร แฮหัวป๋าเสียชีวิตในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 255 และ ค.ศ. 259
บิดามารดาของแฮหัวป๋าเป็นบุคคลสำคัญในรัฐวุยก๊ก บิดาของแฮหัวป๋าคือแฮหัวเอี๋ยนซึ่งต่อสู้เคียงข้างโจโฉผู้เป็นญาติและเป็นผู้วางรากฐานของรัฐวุยก๊กตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของสงครามกลางเมือง และเป็นขุนพลคนหนึ่งที่โจโฉไว้วางใจมากที่สุด ส่วนมารดาของแฮหัวป๋าเป็นน้องสาวของติงชื่อ (丁氏) ที่เป็นภรรยาคนแรกของโจโฉ ภายหลังจากแฮหัวเอี๋ยนถูกสังหารในยุทธการที่เขาเตงกุนสันในปี ค.ศ. 219 ด้วยฝีมือของฮองตงขุนพลของขุนศึกเล่าปี่ กองกำลังส่วนใหญ่ของแฮหัวเอี๋ยนได้ย้ายไปอยู่ใต้การบังคับบัญชาของเตียวคับตามคำแนะนำของกุยห้วย ในขณะที่กองกำลังทหารรักษาการณ์ส่วนตัวของแฮหัวเอี๋ยนได้สืบต่อให้บุตรชายห้าคนของแฮหัวเอี๋ยนเป็นผู้บังคับบัญชา แฮหัวป๋าเกลียดชังฝ่ายเล่าปี่เป็นอย่างมาก และสาบานว่าจะแก้แค้นให้บิดาของตน[1] ในปี ค.ศ. 220 เซี่ยโหว เหิง (夏侯衡) บุตรชายคนโตของแฮหัวเอี๋ยนมอบบรรดาศักดิ์และเขตศักดินาของตนให้แฮหัวป๋าสืบทอด แฮหัวป๋าได้จึงได้สิบทอดบรรดาศักดิ์ที่สืบต่อมาจากแฮหัวเอี๋ยนผู้บิดาอีกทอด มีรายได้จากการเก็บภาษีจาก 800 ครัวเรือนในเขตศักดินา[2]
ในปี ค.ศ. 230 เมื่อโจจิ๋นขุนพลวุยก๊กเสนอให้เปลี่ยนรูปแบบการทำศึกกับจ๊กก๊กจากการเป็นฝ่ายตั้งรับเป็นฝ่ายรุก แฮหัวป๋าซึ่งมียศเป็นขุนพลรอง (偏将军 เพียนเจียงจฺวิน) ได้รับการตั้งเป็นนายทัพหน้า[3] จากนั้นแฮหัวป๋าจึงนำทัพมุ่งไปยังเมืองฮันต๋งโดยใช้เส้นทางผ่านจูงอก๊ก (子午道 จื๋ออู่เต้า) ระยะ 330 กิโลเมตร และตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาคดเคี้ยว ใกล้กับค่ายของฝ่ายจ๊กก๊กที่ซิงชื่อ (興勢) ซึ่งอุยเอี๋ยนขุนพลจ๊กก๊กตั้งขึ้นก่อนหน้า ที่นั่นแฮหัวป๋าถูกชาวบ้านท้องถิ่นเห็นตัว ชาวบ้านไปรายงานกองกำลังของจ๊กก๊กเรื่องการปรากฏตัวของแฮหัวป๋า แฮหัวป๋าจึงถูกโจมตีอย่างหนัก เนื่องจากเวลานั้นทัพหลักของโจจิ๋นยังตามมาไม่ทัพทัพหน้า แฮหัวป๋าจึงตกอยู่ในภาวะคับขัน แฮหัวป๋าจำต้องใช้ทักษะการรบของตนเข้ารบกับข้าศึกระหว่างสิ่งกีดขวางจนกระทั่งโจจิ๋นยกทัพมาถึง[4]
ทัพวุยก๊กและจ๊กก๊กเข้าสู่ภาวะคุมเชิงกันเป็นเวลา 2-3 เดือน แต่แล้วการณ์ก็เป็นผลดีแก่ฝ่ายจ๊กก๊กเมื่อเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือน ทำให้ไม่สามารถเดินทางผ่านหุบเขาแคบได้ ทำให้ทัพวุยก๊กประสบปัญหาเรื่องการขนส่งเสบียง นอกจากสภาพอากาศเลวร้ายที่ทำให้ทัพวุยก๊กเสียเปรียบแล้ว อุยเอี๋ยนยังแทรกซึ่มไปแนวหลังของทัพวุยก๊กและสามารถยุยงให้ชนเผ่าที่ไม่ใช่ชาวฮั่นบางส่วนต่อต้านกองกำลังของวุยก๊กได้สำเร็จ โจจิ๋นและแฮหัวป๋าจึงตัดสินใจล่าถอย ต่อมาแฮหัวป๋าได้รับกา่รแต่งตั้งเป็นขุนพลทัพขวา (右將軍 โย่วเจียงจฺวิน) และประจำการอยู่ที่เมืองหลงเสเพื่อฝึกกำลังพล แฮหัวป๋าดูแลทหารของตนด้วยตนเองและยังสานสัมพันธ์ฉันมิตรกับชนต่างเผ่า (ชาวซีหรง) ในภูมิภาคนั้น แฮหัวป๋าจึงได้รับความนิยมชมชอบจากทั้งเหล่าทหารและชนต่างเผ่า[5]
ในช่วงทศวรรษ 240 แฮหัวป๋าได้รับบรรดาศักดิ์เป็นปั๋วฉางถิงโหว (博昌亭侯) และกลายเป็นคนสนิทของโจซองบุตรชายของโจจิ๋นและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของโจฮองจักรพรรดิวุยก๊ก[6] เมื่อโจซองตัดสินใจทำศึกกับจ๊กก๊กเพื่อเพิ่มอิทธิพลและชื่อเสียงให้ตนเอง แฮหัวป๋าได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิทักษ์ทัพ และอยู่ใต้การบังคับบัญชาของแฮเฮาเหียน[b]ซึ่งเป็นญาติร่วมตระกูล[7] กุยห้วยขุนพลวุยก๊กที่แฮหัวป๋าไม่ชอบได้คุมกองหน้า ครั้งนี้ทัพวุยก๊กเลือกเส้นทางถ่างลั่ว (儻駱道 ถ่างลั่วเต้า) ซึ่งสั้นกว่าในการยกเข้าอาณาเขตของจ๊กก๊ก แต่ก็ประสบปัญหาการลำเลียงเสบียงอีกครั้งเนื่องจากเป็นเส้นทางยาวที่ไม่มีแหล่งน้ำ ทำให้ทัพวุยก๊กจำต้องล่าถอย ทหารจำนวนมากเสียชีวิตด้วยความกระหายน้ำตลอดทางกลับ หลังเสร็จศึก ด้วยเหตุที่กุยห้วยถอนทหารได้ทันท่วงทีจึงได้รับอำนาจทางทหารที่สูงกว่าแฮหัวป๋า[8]
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 224 ถึง ค.ศ. 249 แฮหัวป๋าตกอยู่ใต้อำนาจของกุยห้วยที่กุมอำนาจบังคับบัญชาชั่วคราวเมื่อเกิดวิกฤตทางการทหาร ในปี ค.ศ. 247 เมื่อผู้นำชนเผ่าส่วนหนึ่งก่อกบฏต่อวุยก๊ก แฮหัวป๋าก็ถูกโจมตีโดยเกียงอุยขุนพลจ๊กก๊กผู้มาช่วยสนับสนุนเหล่าชนเผ่า แฮหัวป๋าร่วมกับกุยห้วยขับไล่การโจมตีของเกียงอุยและโต้กลับกลุ่มกบฏชนเผ่า ทำให้กบฏจำนวนมากยอมจำนน[9] อย่างไรก็ตาม เอ้อ เจอไซ (蛾遮塞) แห่งชนเผ่าเกี๋ยง และจื้อ อู๋ไต้ (治无戴) แห่งชนเผ่าหูยังคงตั้งตนต่อต้าน สงครามจึงแบ่งออกเป็นยุทธการย่อย ๆ ที่ลากยาวไปถึงปี ค.ศ. 248 ซึ่งเกียงอุยนำทัพจ๊กก๊กมาช่วยเหลือกบฏอีกครั้ง
ณ จุดนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ากุยห้วยเป็นแม่ทัพที่แท้จริงในการออกคำสั่งในสนามรบแทนที่จะเป็นแฮเฮาเหียน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อกุยห้วยตัดสินใจโจมตีเลียวฮัวที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเกียงอุย แฮหัวป๋าจึงได้รับมอบหมายจากกุยห้วยโดยตรงให้ไล่ตามทัพหลักของเกียงอุยไปทางตะวันตก[10] เมื่อเกียงอุยรู้ว่าเลียวฮัวถูกโจมตีจึงรีบกลับไปช่วยเลียวฮัวตามที่กุยห้วยคาดการณ์ กลายเป็นการแยกกลุ่มกบฏและกองกำลังเสริมของจ๊กก๊กออกจากกัน[11] ในขณะที่แฮหัวป๋าเหน็ดเหนื่อยกับการเคลื่อนกำลังเช่นเดียวกับแม่ทัพฝ่ายจ๊กก๊ก แต่ความดีความชอบในการปราบกบฏกลับตกเป็นของกุยห้วยซึ่งได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นโหวระดับตำบล ในทางตรงกันข้าม แฮหัวป๋าแทบจะไม่ได้รับอะไรเลยจากความพยายามในการทัพ[12]
ในปี ค.ศ. 249 ภายหลังจากการก่อรัฐประหารโดยสุมาอี้เพื่อยึดอำนาจของโจซอง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโจซองจำนวนมากก็ถูกจับตัวไปประหารชีวิต แฮหัวป๋าที่เป็นคนสนิทของโจซองจึงตื่นตัวต่อความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนี้และระแวงว่ากลุ่มสุมาอี้จะมาเล่นงานตน ไม่นานหลังจากนั้น แฮเฮาเหียนซึ่งมีอาญาสิทธิ์ในการบัญชาการกำลังทหารของมณฑลเลียงจิ๋วและยงจิ๋วก็ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปยังนครหลวงโดยอ้างว่าเป็นการเลื่อนตำแหน่ง แฮหัวป๋าระแวงเรื่องนี้จึงเข้าไปหารือกับแฮเฮาเหียน โน้มน้าวให้แฮเฮาเหียนหนีด้วยกันกับตนไปยังจ๊กก๊ก แต่แฮเฮาเหียนปฏิเสธและพูดว่า "ข้าจะไม่อยู่เป็นแขกของดินแดนอนารยชน!" อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้แฮหัวป๋าไม่สบายใจคือเรื่องที่บุคคลที่สืบทอดตำแหน่งเดิมของแฮเฮาเหียนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกุยห้วย ซึ่งแฮหัวป๋ามีความบาดหมางด้วยเป็นการส่วนตัว แฮหัวป๋าจึงเดินทางเพียงลำพังไปยังจ๊กก๊ก[13]
ระหว่างเดินทางไปจ๊กก๊ก แฮหัวป๋าหลงเข้าไปเจอทางตันในหุบเขา เวลานั้นแฮหัวป๋าไม่มีอาหารเหลือจึงหันไปฆ่าม้าของตนมาทำเป็นอาหารมื้อสุดท้าย แฮหัวป๋าเดินเท้าต่อไปจนกระทั่งขาพิการ จึงคลานไปหลบอยู่ใต้เงาของก้อนหินขนาดใหญ่ และถามผู้เดินทางผ่านมาเพื่อถามทาง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกจากทางตันในหุบเขาได้อย่างไร เมื่อคนท้องถิ่นรายงานเรื่องมีคนขาพิการซึ่งดูเหมือนขุนพลแฮหัวป๋าซึ่งโจมตีฝ่ายจ๊กก๊กเมื่อหลายปีก่อน เล่าเสี้ยนจักรพรรดิจ๊กก๊กจึงรีบส่งคณะกู้ภัยไปคุ้มกันแฮหัวป๋าซึ่งถือเป็นลุงเขยของพระองค์มายังเซงโต๋นครหลวงของจ๊กก๊ก[14]
หลายปีก่อน เซี่ยโหวชื่อ (夏侯氏) ลูกพี่ลูกน้องหญิงของแฮหัวป๋า ถูกเตียวหุยขุนพลจ๊กก๊กลักพาตัวแล้วกลายเป็นภรรยาของเตียวหุย ด้วยเหตุนี้ตระกูลเล่าและตระกูลแฮหัว (เซี่ยโหว) จึงเกี่ยวพันกันผ่านการสมรสระหว่างเล่าเสี้ยนและบุตรสาวของเตียวหุย[c] จึงเป็นเหตุให้เล่าเสี้ยนเรียกพระโอรสองค์หนึ่งว่าเป็นหลายชายของตระกูลแฮหัว เล่าเสี้ยนแต่งตั้งให้แฮหัวป๋าผู้พิการมียศเป็นขุนพลทหารม้าและรถศึก (車騎將軍 เชอฉีเจียงจฺวิน) ของจ๊กก๊ก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางการเมืองหรือเหตุผลส่วนพระองค์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเครือญาติ[15]
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าเกียงอุยก็กลายเป็นมิตรสนิทกับกับแฮหัวป๋า ทั้งคู่ได้ไปร่วมในการทัพกับรัฐวุยก๊กหลายครั้ง ราชสำนักวุยก๊กให้อภัยโทษแก่บุตรชายของแฮหัวป๋าเนื่องจากความสำคัญของแฮหัวเอี๋ยนที่มีบทบาทในการก่อตั้งวุยก๊ก แต่ยังคงให้เนรเทศไปยังเมืองเล่อล่าง (樂浪郡 เล่อล่างจฺวิ้น) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศเกาหลีเหนือ[16]
ในเวลานั้นแฮหัวป๋าอายุเกินหกสิบแล้วแต่ยังไม่ถึงเจ็ดสิบ แต่ยังคงเข้าร่วมในวงสังคม เรื่องราวที่บันทึกในอี้ปู้ฉีจิ้วจฺว้าน (益部耆舊傳) กล่าวถึงเรื่องที่ครั้งหนึ่งแฮหัวป๋าต้องการผูกมิตรกับเตียวหงีผู้มีชื่อเสียงจากการปราบปรามอนารยชนทางใต้และเป็นขุนพลจ๊กก๊กที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในเวลานั้น เมื่อแฮหัวป๋าพบเตียวหงีครั้งแรกได้บอกกับเตียวหงีว่า "แม้ว่าท่านกับข้าจะยังไม่รู้จักกันดี แต่ข้าบอกความรู้สึกของข้าต่อท่านได้ราวกับเราเป็นเพื่อนเก่ากัน ท่านน่าจะเข้าใจเจตนานี้" เตียวหงีตอบว่า "ข้ายังไม่รู้จักท่านดีและท่านก็ยังไม่รู้จักข้าดี เมื่อวิถีทางใหญ่นำไปสู่ทางอื่น จะพูดถึงความรู้สึกเชื่อใจได้อย่างไร มาสนทนาอีกครั้งในอีกสามปีให้หลังเถิด" เหตุการณ์นี้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในจ๊กก๊ก บัณฑิตและผู้มีความรู้ถือว่าเกร็ดประวัตินี้เป็นการยกย่องบุคลิกลักษณะของแฮหัวป๋าและเตียวหงี[17]
แฮหัวป๋าในฐานะผู้แปรพักตร์จากวุยก๊กต้องเผชิญหน้ากับการเลือกปฏิบัติและความไม่วางใจจากขุนนางร่วมราชการ แต่ด้วยภูมิหลังที่ซับซ้อนทำให้แฮหัวป๋าได้รับความไว้วางพระทัยจากจักรพรรดิเล่าเสี้ยน และได้รับการยกย่องอย่างสูงจากเกียงอุยซึ่งเป็นผู้แปรพักตร์มาจากวุยก๊กด้วยกัน ครั้งหนึ่งเกียงอุยถามแฮหัวป๋าว่าสุมาอี้ผู้กุมอำนาจราขสำนักวุยก๊กจะโจมตีจ๊กก๊กหรือไม่ แฮหัวป๋าตอบว่า "พวกเขาเพิ่งก่อร่างฐานอำนาจ จึงคงยังไม่ใส่ใจในเรื่องภายนอก แต่มีจงโฮยผู้เยาว์ซึ่งจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อทั้งง่อและจ๊ก"[18][19] เกียงอุยเชื่อทัศนะของแฮหัวป๋าที่ว่าสุมาอี้จะไม่จัดการกับปัญหาชายแดนไปสักระยะหนึ่ง จึงรือฟื้นกลยุทธ์ของจูกัดเหลียงในการทำสงครามกับวุยก๊กอย่างต่อเนื่อง และพาแฮหัวป๋าไปด้วยกันในการบุกขึ้นเหนือ แฮหัวป๋าสร้างผลงานโดดเด่นของตนจากชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของเกียงอุยในยุทธการที่เต๊กโตเสีย ภายหลังยุทธการนี้ แฮหัวป๋าก็ไม่ถูกกล่าวถึงอีกในบันทึกประวัติศาสตร์
จดหมายเหตุสามก๊กบันทึกว่าแฮหัวป๋าสืบทอดตำแหน่งขุนพลทหารม้าและรถศึกถัดจากเตงจี๋หลังเตงจี๋เสียชีวิตในปี ค.ศ. 251 จือจื้อทงเจี้ยนบันทึกว่าแฮหัวป๋ายังมีชีวิตอยู่ในปี ค.ศ. 255 และจดหมายเหตุสามก๊กบันทึกว่าแฮหัวป๋าไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วปี ค.ศ. 259 เมื่อมีบันทึกว่าเลียวฮัวและเตียวเอ๊กได้สืบทอดตำแหน่งขุนพลของแฮหัวป๋า แฮหัวป๋าจึงต้องเสียชีวิตในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 255 และ ค.ศ. 259 วันที่แฮหัวป๋าเกิดก็ไม่มีบันทึกแน่ชัดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เว่ย์เลฺว่ระบุว่าลูกพี่ลูกน้องหญิงที่อายุอ่อนกว่าของแฮหัวป๋าถูกเตียวหุยลักพาตัวไประหว่างเก็บฟืนขณะอายุ 12-13 ปีในปี ค.ศ. 200 ซึ่งหมายความว่าแฮหัวป๋าจะต้องเกิดก่อนปี ค.ศ. 187-188
ในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กในศตวรรษที่ 14 การเสียชีวิตของแฮหัวป๋าได้มีการเสริมแต่งเพิ่มเติม โดยเมื่อจ๊กก๊กบุกวุยก๊กในปี ค.ศ. 262 ระหว่างยุทธการที่อำเภอเตียวเจี๋ยง แฮหัวป๋าถูกสังหารโดยกองทหารวุยก๊กที่ซุ่มบนกำแพงทิ้งก้อนหินและยิงเกาทัณฑ์ใส่[20]
แฮหัวป๋าเปิดตัวในฐานะตัวละครที่เล่นได้ครั้งแรกในภาคที่ 7 ของซีรีส์วิดีโอเกม ไดนาสตีวอริเออร์ ของโคเอ