โซคอมยูเอสเนวีซีลส์ (วิดีโอเกม)

โซคอมยูเอสเนวีซีลส์
ผู้พัฒนาซิปเปอร์อินเตอร์แอ็กทีฟ
ผู้จัดจำหน่ายโซนีคอมพิวเตอร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์
กำกับเดวิด เซียส์
ออกแบบเกรแฮม คีส์
โปรแกรมเมอร์บ็อบ กัตแมน
ไมเคิล กัตแมน
ศิลปินรัสเซล ฟิลลิปส์
เดวิด เคิร์น
แต่งเพลงเจเรมี โซอูล
ชุดโซคอมยูเอสเนวีซีลส์
เอนจินคิเนติกา
เครื่องเล่นเพลย์สเตชัน 2
วางจำหน่าย
แนวยิงเชิงกลยุทธ์
รูปแบบผู้เล่นเดี่ยว, หลายผู้เล่น

โซคอมยูเอสเนวีซีลส์ (อังกฤษ: SOCOM U.S. Navy SEALs) เป็นวิดีโอเกมแนวยิงเชิงกลยุทธ์ พัฒนาโดยซิปเปอร์อินเตอร์แอ็กทีฟ และจัดจำหน่ายโดยโซนีคอมพิวเตอร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ วางจำหน่ายเฉพาะบนเครื่องเพลย์สเตชัน 2 ตัวเกมยังเป็นหนึ่งในเกมแรกที่ให้บริการออนไลน์ของเพลย์สเตชัน 2 ในอเมริกาเหนือ

นอกเหนือจากภารกิจออฟไลน์สำหรับผู้เล่นคนเดี่ยวจำนวน 12 ภารกิจแล้ว โซคอมยังมีโหมดการเล่นออนไลน์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โซคอมใช้ชุดหูฟังยูเอสบีสำหรับคำสั่งการรู้จำเสียงแบบออฟไลน์และอนุญาตการแชตด้วยเสียงกับเพื่อนร่วมทีมเมื่อเล่นออนไลน์ นี่เป็นเกมแรกสำหรับเพลย์สเตชัน 2 ที่ใช้ชุดหูฟัง ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003 ตัวเกมขายได้ประมาณสองล้านชุดทั่วโลก[1]

เซิร์ฟเวอร์ออนไลน์สำหรับเกมนี้พร้อมกับเกมโซคอมอื่น ๆ ในเพลย์สเตชัน 2 และเพลย์สเตชันพอร์เทเบิลได้ปิดตัวลงในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2012[2]

รูปแบบการเล่น

[แก้]

ผู้เล่นนำทีมสี่คน (เพื่อนร่วมทีมที่ควบคุมด้วยปัญญาประดิษฐ์สามคน) ของเนวีซีลสหรัฐผ่าน 12 ภารกิจในสี่ภูมิภาค ได้แก่ อะแลสกา, ไทย, คองโก และเติร์กเมนิสถานในอนาคตของ ค.ศ. 2006 และ 2007 ซึ่งในภารกิจผู้เล่นเดี่ยว สามารถพูดคำสั่งโดยใช้ชุดหูฟังยูเอสบีที่ให้มา หรือผ่านเมนูบนหน้าจอหากไม่ได้ซื้อชุดหูฟังโซคอมที่เป็นอุปกรณ์เสริม ส่วนภารกิจทั่วไปประกอบด้วยการสังหารผู้ก่อการร้าย, ช่วยเหลือตัวประกัน, เรียกข้อมูลข่าวกรอง หรือทำลายฐานผู้ก่อการร้าย

ชื่อรหัสของตัวละครของผู้เล่นคือคาฮูนา ในขณะที่ชื่อรหัสของเพื่อนร่วมทีมตัวละครที่ผู้เล่นไม่ได้ควบคุมคือบูเมอร์, สเปกเตอร์ และเจสเตอร์ ทีมถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มย่อยคือแอลฟา และบราโว โดยกลุ่มแอลฟาประกอบด้วยผู้เล่นและบูเมอร์ (หน่วยฝีมือดี) ในขณะที่อีกสองคนที่เหลือเป็นส่วนของบราโว ซึ่งสามารถออกคำสั่งให้กับทั้งบุคคลและทั้งกลุ่มได้ ตัวอย่างเช่น เป็นไปได้ที่จะขอให้ทีมบราโวอยู่นิ่ง ๆ ในขณะที่ผู้เล่นกำลังสอดแนมพื้นที่ด้วยบูเมอร์ อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นไม่สามารถเสี่ยงภัยคนเดียวผ่านแผนที่ได้ เมื่อคาฮูนาอยู่ห่างจากบูเมอร์มากเกินไป เขาจะกลับมาตามผู้เล่นโดยอัตโนมัติ โดยไม่คำนึงถึงคำสั่งก่อนหน้า รวมถึงจะมีการบรรยายสรุปและข้อมูลต่าง ๆ เช่น แผนที่และภาพถ่ายก่อนแต่ละภารกิจ

รูปแบบการเล่นออนไลน์

[แก้]

ผู้เล่นออนไลน์เลือกหนึ่งในสองฝ่าย ได้แก่ ซีลหรือผู้ก่อการร้าย ส่วนแผนที่ประกอบด้วยสามประเภท ได้แก่ การปราบปราม (กำจัดสมาชิกทั้งหมดของทีมตรงข้าม) การช่วยตัวประกัน (ชิงตัวประกัน) และการทำลาย (เข้ายึดกระเป๋าและทำลายฐานของทีมตรงข้าม) โซคอม, โซคอมยูเอสเนวีซีลส์: คอนฟรอนเทชัน และโซคอม 4 ยูเอสเนวีซีลส์ สำหรับเพลย์สเตชัน 3 เท่านั้นในซีรีส์ที่ไม่รองรับการเล่นผ่านแลน (ผู้เล่นหลายคนในพื้นที่) นอกเหนือจากประเภทเกมที่เฉพาะเจาะจงแล้ว โหมดเกมใด ๆ ในสามโหมดอาจชนะได้โดยการกำจัดสมาชิกทั้งหมดของทีมตรงข้าม อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติออนไลน์ของเกมไม่สามารถเข้าถึงได้อีกต่อไป

โครงเรื่อง

[แก้]

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 2006 ชุดยิงของเนวีซีลสหรัฐซึ่งประกอบด้วยคาฮูนา, บูเมอร์, สเปกเตอร์ และเจสเตอร์ได้ถูกส่งไปเพื่อขจัดภัยคุกคามจากการก่อการร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น กลุ่มก้อนใหม่ที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มภราดรเหล็ก ซึ่งประกอบด้วยอดีตเจ้าหน้าที่สเปซนาซ กำลังใช้เรือบาร์จเป็นฐานในการซื้อและขนส่งอาวุธ พวกเขากำลังทำการค้ากับองค์การตลาดมืดที่ชื่อเซมี และทั้งสองฝ่ายกำลังนัดพบในน่านน้ำสากลนอกชายฝั่งรัฐอะแลสกา ซึ่งทีมงานจะต้องกำจัดผู้ก่อการร้าย, รวบรวมข่าวกรอง และเจาะท้องเรือบรรทุกสินค้า ด้วยข้อมูลข่าวสารที่หน่วยซีลรวบรวมไว้ ทำให้โซคอมสามารถค้นหาสำนักงานใหญ่ของกลุ่มภราดร ซึ่งเป็นเมืองร้างในรัฐอะแลสกาทีมงานได้รับมอบหมายให้ดูแลบริเวณดังกล่าว ทำลายคลังอาวุธที่มีอยู่ และควบคุมตัวผู้ก่อการร้ายชื่อโคลา เพเทรงโก ซึ่งมีชื่อรหัสคือพินคูชัน ข้อมูลจากพินคูชันเปิดเผยว่ากลุ่มภราดรได้เข้าควบคุมแท่นขุดเจาะน้ำมันในทะเลโบฟอร์ตของอะแลสกา คนงานน้ำมันส่วนใหญ่เสียชีวิต แต่บางคนถูกจับกุมโดยผู้ก่อการร้าย และกลุ่มภราดรยังขู่ว่าจะทำลายแท่นซึ่งจะส่งผลให้เกิดการรั่วไหลของน้ำมันอย่างร้ายแรง หน่วยซีลถูกส่งเข้ามาเพื่อแทรกซึมแท่นขุดเจาะและกำจัดภัยคุกคามทั้งหมด รวมถึงสตานิสลาฟ ผู้นำของกลุ่มภราดร ซึ่งมีชื่อรหัสคือสเปกตรัม พวกเขาประสบความสำเร็จในการกำจัดผู้ก่อการร้ายทั้งหมดและปลดชนวนระเบิดทั้งหมดบนเรือ

ส่วนในประเทศไทย กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าริดดะฮ์รูช ซึ่งนำโดยชายชื่อสุดารักษ์ ทองก้อน ได้ข้อมูลทางชีววิทยาที่ละเอียดอ่อนและมีค่าสูง จากผู้ลักลอบขนของออกจากประเทศศรีลังกา โดยผู้ก่อการร้ายได้สังหารผู้ลักลอบและลูกเรือ จากนั้นจึงนำข้อมูลออกและย้ายไปยังป่าลึกของประเทศไทย ด้วยภัยคุกคามทางชีววิทยาที่อาจเกิดขึ้นกับดินแดนของพวกเขา รัฐบาลไทยจึงขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ และสหรัฐได้ตอบสนองด้วยการส่งหน่วยซีล ซึ่งทีมของคาฮูนาได้แทรกซอนเข้าไปในพื้นที่ และรุดหน้าไปต้นน้ำเพื่อสกัดกั้นและกู้ข้อมูล หลังจากย้ายจากเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่ง และลบล้างการลาดตระเวนจำนวนมากแล้ว ทีมดังกล่าวก็พบเอกสารบางอย่าง น่าเสียดายที่ข้อมูลชีวภาพเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่เป็นหนึ่งในนั้น เนื่องจากอีกครึ่งหนึ่งถูกย้ายไปที่อื่น เมื่อข้อมูลชีวะอยู่ในครอบครอง ริดดะฮ์รูชจึงจับเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยและภริยาเป็นตัวประกัน เหล่าผู้ก่อการร้ายเรียกร้องเงินค่าไถ่และขู่ว่าจะประหารชีวิตทั้งสองหากไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของพวกเขา หน่วยสืบราชการลับติดตามการเคลื่อนไหวของพวกเขาและสามารถค้นหาตัวประกันที่วัดร้างในป่าฮ้อนแก่น ทีมนี้กรีฑาพลเข้าไปอยู่ในความมืดอย่างลับ ๆ และพาตัวเอกอัครราชทูตและภริยาออกมาได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าจะไม่มีการจ่ายค่าไถ่สำหรับทั้งคู่ แต่ริดดะฮ์รูชก็สามารถผลิตสารชีวภาพจำนวนเล็กน้อยได้ แผนของพวกเขาคือการใช้สารชีวภาพเพื่อทำให้รัฐบาลไทยสั่นคลอน ซึ่งหน่วยซีลได้รับมอบหมายให้จู่โจมที่วิหารร้างอีกแห่ง ขณะอยู่ที่นั่น ทีมนี้ได้จับหรือฆ่าทองก้อน ซึ่งมีชื่อรหัสคือแบดด็อก และยึดสารชีวภาพไว้ได้ ริดดะฮ์รูชจึงสลายตัวเมื่อผู้นำถูกควบคุมตัว

ในประเทศคองโก องค์การทหารรับจ้างใหม่ที่รู้จักกันในชื่อพรีเอมทีฟสไตรก์ได้สร้างฐานปฏิบัติการลึกเข้าไปในป่า พวกเขากำลังรับสมัครทหารรับจ้างชาวยุโรปและกำลังสะสมอาวุธตลอดจนอมภัณฑ์อย่างแข็งขัน จากความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามใหม่นี้ รัฐบาลคองโกได้ขอความช่วยเหลือจากสหรัฐ หน่วยซีลจึงได้รับการส่งไปตรวจค้นและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มดังกล่าว หลังจากปิดใช้งานการสื่อสารและทำลายอาวุธยุทโธปกรณ์ของศัตรูในพื้นที่พักสรรพาวุธ ทีมซีลนี้ได้พบว่าทหารรับจ้างที่เหลือได้ซุ่มโจมตีและจับกุมหน่วยลาดตระเวนของนาวิกโยธินสหรัฐ พวกนาวิกโยธินดังกล่าวถูกกักตัวไว้ที่ค่ายทหารรับจ้างซึ่งพวกเขาถูกทรมานเพื่อขอข้อมูล ซึ่งหน่วยซีลสามารถช่วยเหลือเชลยศึกและกำจัดมักนุสผู้เป็นหัวหน้าทหารรับจ้างได้ ก่อนที่จะพบว่านาวิกโยธินเชลยคนหนึ่งหายไป ซึ่งถูกย้ายไปที่บังเกอร์ของเยอรมันที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งซึ่งมีเครือข่ายอุโมงค์และป้อมปืนกล ความยุ่งเหยิงนี้ไม่เข้ากับหน่วยซีล อย่างไรก็ตาม พวกเขาประสบความสำเร็จในการปล่อยตัวนาวิกโยธินตนสุดท้ายด้วยความช่วยเหลือจากเครื่องบินขับไล่เอฟ/เอ-18 ของกองทัพเรือสหรัฐ ที่ทำการยิงขีปนาวุธไปที่ป้อมปืนกลที่ระบุไว้

ในประเทศเติร์กเมนิสถาน อัลละฮ์ซาดิกาฮู ซึ่งเป็นบรรดาสมาชิกของกลุ่มก่อการร้าย ได้รับอุปกรณ์นิวเคลียร์แบบพกพาหลายใบจากองค์การตลาดมืดหลายแห่ง ผู้ให้ข้อมูลชื่อบอซิม เมกเกก หรือชื่อรหัสคือมิสเตอร์พิกเคิล มีความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์นิวเคลียร์ที่เคลื่อนผ่านภูมิภาคนี้ แต่ถูกจับได้ในกระบวนการดังกล่าว เขาถูกคุมขังในศูนย์กักกันเติร์กเมนบนภูเขา และหน่วยซีลได้รับการส่งเข้าไปเพื่อปล่อยตัว, คุ้มกัน และพาผู้ให้ข้อมูลออกมา ผู้ให้ข้อมูลที่ได้กลับคืนมายืนยันว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ติดกระเป๋าเดินทางสองใบในเติร์กเมนิสถานและตำแหน่งของพวกมัน ซาดิกาฮูได้ซ่อนอุปกรณ์นี้ไว้ในเครือข่ายถ้ำทะเลทรายใกล้กับชายแดนอัฟกานิสถาน โดยไม่มีเวลาให้เสียเปล่า ทีมซีลได้เดินทางไปยังที่ตั้งของนิวเคลียร์ หลังจากการสู้รบอย่างรุนแรง ทีมซีลสามารถทำลายนิวเคลียร์และระบบถ้ำ อย่างไรก็ตาม มุลละห์ บาฮีร์ อัก-กอฎี ผู้นำที่โหดเหี้ยมของซาดิกาฮูไม่ได้อยู่ที่ถ้ำ เขาและอิมัดผู้เป็นน้องชายของเขาได้ล่าถอยไปยังเมืองร้างที่ถูกทิ้งระเบิดในตอนกลางของเติร์กเมนิสถาน ทีมของคาฮูนาได้รับการส่งเข้าไปอีกครั้งเพื่อค้นหาและทำให้พี่น้องอัก-กอฎี วางตัวเป็นกลาง หน่วยซีลต่อสู้กับผู้พิทักษ์ผู้ก่อการร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนและแข่งกับเวลาขณะที่มุลละห์ และอิมัด อัก-กอฎี ซึ่งมีชื่อรหัสคือแฟตแคต (แมวอ้วน) และคิตเทน (ลูกแมว) เรียกเฮลิคอปเตอร์เพื่อสกัดพวกเขาออกมา

ในที่สุด พี่น้องทั้งสองก็ถูกสังหาร และภารกิจก็เสร็จสิ้น

การพัฒนา

[แก้]

เกมดังกล่าวใช้เวลาในการพัฒนาเป็นเวลาสามปี[3]

การตอบรับ

[แก้]
การตอบรับ
คะแนนรวม
ผู้รวมคะแนน
เมทาคริติก82/100[4]

โซคอมยูเอสเนวีซีลส์ได้รับคำวิจารณ์ "โดยทั่วไปในเชิงบวก" ตามตัวรวบรวมบทวิจารณ์ของเว็บไซต์เมทาคริติก[4] ส่วนเว็บไซต์เกมสปอตยกให้เป็นเกมเพลย์สเตชัน 2 ที่ดีที่สุดของเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2002[5] โดยได้รับรางวัล "เกมออนไลน์ที่ดีที่สุดในเพลย์สเตชัน 2" ประจำปีของเว็บไซต์เกมสปอต และรองชนะเลิศสำหรับ "เสียงยอดเยี่ยมในเพลย์สเตชัน 2"[6]

ภายในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2006 โซคอมยูเอสเนวีซีลส์ ขายได้ 1.4 ล้านชุด และทำรายได้ 82 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐ ส่วนนิตยสารเนกซ์เจเนอเรชันได้จัดอันดับให้เป็นเกมที่ขายดีที่สุดอันดับที่ 34 สำหรับเพลย์สเตชัน 2, เอกซ์บอกซ์ หรือเกมคิวบ์ระหว่างเดือนมกราคม ค.ศ. 2000 ถึงกรกฎาคม ค.ศ. 2006 ในประเทศดังกล่าว และยอดขายรวมของโซคอมสูงถึง 3.9 ล้านหน่วยในสหรัฐภายในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2006[7]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Socom II: U.S. Navy Seals breaks online console penetration records in first two days of release" (Press release). Sony Computer Entertainment. 2003-11-06. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-06-10. สืบค้นเมื่อ 2008-05-22.
  2. "Archived copy". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-06-01. สืบค้นเมื่อ 2012-05-30.{{cite web}}: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์) [ลิงก์เสีย]
  3. Oldenburg, Don (December 10, 2002). "Couch-Potato Commandos". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ March 9, 2022.
  4. 4.0 4.1 "SOCOM U.S. Navy SEALs for PlayStation 2 Reviews". Metacritic. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-30. สืบค้นเมื่อ February 21, 2017.
  5. The Editors of GameSpot (September 7, 2002). "GameSpot's Game of the Month, August 2002". GameSpot. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 6, 2004. {{cite web}}: |author= มีชื่อเรียกทั่วไป (help)
  6. GameSpot Staff (December 30, 2002). "GameSpot's Best and Worst of 2002". GameSpot. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 7, 2003.
  7. Campbell, Colin; Keiser, Joe (July 29, 2006). "The Top 100 Games of the 21st Century". Next Generation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 28, 2007.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]