บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
Toyota Comfort | |
---|---|
Crown Sedan Super Saloon | |
![]() Toyota Comfort | |
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | Kanto Auto Works[1] |
เรียกอีกชื่อ | Toyota Crown Comfort |
เริ่มผลิตเมื่อ | 1995–2017 |
แหล่งผลิต | Japan: Susono, Shizuoka (Higashi Fuji plant)[2] |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | Compact car |
รูปแบบตัวถัง | 4-door notchback sedan |
โครงสร้าง | FR layout |
รุ่นที่คล้ายกัน | โตโยต้า คราวน์ |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ |
|
ระบบเกียร์ | |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ |
|
ความยาว |
|
ความกว้าง | 1,695 mm (66.7 in) |
ความสูง | 1,525 mm (60.0 in) |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นต่อไป | โตโยต้า เจพีเอ็น แท็กซี่ |
คอมฟอร์ท (COMFORT) คือ รถยนต์เชิงพาณิชย์แบบซีดานที่ผลิตโดยบริษัทโตโยต้า และเป็นรถยนต์แบบแวกอนเชิงพาณิชย์ที่วางจำหน่ายในตลาดฮ่องกง
รุ่นแรกถูกพัฒนาเพื่อใช้เป็นรถแท็กซี่และรถสอนขับรถ ส่วนรุ่นที่สองได้รับการพัฒนาขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้เป็นรถแท็กซี่โดยเฉพาะ
การผลิตรุ่นแรก และรุ่นที่สอง (จนถึงธันวาคม ปี 2020) ดำเนินการโดยโรงงานฮิงาชิฟูจิของ Toyota Motor East Japan (เดิมคือโรงงานฮิงาชิฟูจิของ Kanto Auto Works) ที่เมืองสุโซโนะ จังหวัดชิซูโอกะ และตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2021 การผลิตได้ย้ายไปยังโรงงานโอฮิระ จังหวัดมิยางิ (เดิมคือโรงงานมิยางิของ Central Motor)
รถรุ่นนี้มักชอบถูกเข้าใจผิดว่าเป็นรุ่นเดียวกันกับ Toyota Crown Sedan S150 เนื่องจากมีหน้าตาคล้ายคลึงกันแถมมีชื่อรุ่นย่อยทางการตลาดที่ทับซ้อนกัน แต่ความจริงแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน เป็นการยืมดีไซน์ส่วนหน้ารถมาใช้เท่านั้น และงานดีไซน์ในส่วน interior ของ Toyota Crown Comfort มีการผสมผสานกันระหว่าง interior ของ Toyota Crown S130 และ S150 รวมกัน
iconic ในสายตานักท่องเที่ยวทั่วโลกนอกจากจะเป็นรถแท็กซี่ประจำชาติญี่ปุ่นแล้ว อ๊อปชั่นของรถอย่าง "ประตูอัตโนมัติ" ที่ฝั่งผู้โดยสารหลังซ้ายก็ยังเป็นที่จดจำของผู้คนที่มาเยือนญี่ปุ่นอีกด้วย อ๊อปชั่นนี้มีทั้งจากโตโยต้าเองโดยตรงและจากผู้ผลิตภายนอก กลไกการทำงานนั้นเป็นแบบแมนนวลโดยผู้ขับหรือโชเฟอร์จะเป็นคนคอยดึงคันโยกเพื่อเปิดประตูหลังจากที่นั่งคนขับให้แก่ลูกค้าอย่างแนบเนียน จนมักเกิดความเข้าใจผิดเป็นวงกว้างว่าเป็น "ประตูอัตโนมัติแบบไฟฟ้า"
เปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคม ปี 1995 โดยเป็นรถแท็กซี่ขนาดเล็กที่พัฒนาโดยแบรนด์โตโยต้าเอง พร้อมเปิดตัวรุ่นพี่คือ Crown Comfort ซึ่งมีระยะฐานล้อยาวกว่าคอมฟอร์ท 105 มม. เพื่อให้เข้ากับมาตรฐานของรถแท็กซี่ขนาดกลาง
หลังจากที่คู่แข่งอย่าง Nissan Crew ยุติการผลิตในเดือนมิถุนายน ปี 2009 ทำให้คอมฟอร์ทกลายเป็นรถแท็กซี่ขนาดเล็กเพียงรุ่นเดียวจากผู้ผลิตญี่ปุ่น และหลังจาก Nissan Cedric รุ่นรถเพื่อการพาณิชย์เลิกผลิตในเดือนกันยายน ปี 2014 (หยุดขายในพฤศจิกายนปีเดียวกัน) คอมฟอร์ทและรุ่นพี่ก็เป็นเพียงแท็กซี่แบบซีดานที่ยังมีจำหน่ายจนถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2017
ตัวถังพัฒนามาจาก Mark II รุ่น X80 และช่วงล่างใช้แบบเดียวกับรุ่นล่างของ Mark II คือ ด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบคานแข็ง
รหัสตัวถัง XS11(Y)/TSS11(Y) ใช้เครื่องยนต์ 3Y-PE, 4S-FE, 2L-TE, และ 1TR-FPE ส่วนหลังปรับโฉมเป็น XS13Y/TSS13Y ใช้เครื่องยนต์ 3S-FE และ 1TR-FE โดยไม่เหมือน Crown Comfort ที่มีเครื่องยนต์แถวเรียง 6 สูบ (1G series) ให้เลือก
รุ่นสอนขับจะมี “Y” ต่อท้ายรหัสรุ่น ตัวรถใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ออกแบบพื้นที่ห้องโดยสารหลังและห้องสัมภาระให้กว้าง พร้อมเว้นพื้นที่สำหรับติดตั้งอุปกรณ์แท็กซี่ เช่น วิทยุ และมิเตอร์โดยสาร
นับเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีที่โตโยต้าผลิตรถสำหรับแท็กซี่ตั้งแต่ต้น หลังจากรุ่น Toyopet Master ในปี 1955
ต่างจาก Nissan Crew ตรงที่ B-pillar มีตำแหน่งสมมาตร (ประตูซ้ายขวาเท่ากัน)
กันชนหน้า-หลังเป็นแบบสองชิ้น แยกส่วนบนล่าง เพื่อให้ง่ายต่อการซ่อมแซม
แม้จะพัฒนาเป็นแท็กซี่ แต่ลูกค้าทั่วไปสามารถซื้อรถรุ่นนี้จากดีลเลอร์ได้ ทั้งรุ่นเบนซินและ LPG รวมถึงรุ่นสอนขับ
แม้จะผลิตมานานกว่า 20 ปี แต่สุดท้ายต้องยุติการผลิตเนื่องจากไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยการปกป้องคนเดินถนนที่เข้มงวดขึ้นในปี 2018
มีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ทั้งในรุ่นแท็กซี่และรุ่นสอนขับ โดยรุ่นที่มีเครื่องยนต์เบนซินจับคู่กับเกียร์ธรรมดานั้นมีเฉพาะในรุ่นสอนขับเท่านั้น
รุ่นแท็กซี่มี 4 เกรด:
รุ่นสอนขับมีเพียง Deluxe
แม้ว่า Comfort จะใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกับ Toyota Mark II รุ่น X80 แต่ตัวถังของรถได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายใน โดยเน้นความสะดวกสบายของผู้โดยสารตอนหลังเป็นหลัง เพื่อประหยัดต้นทุนและลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็น รวมถึงรองรับการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับรถแท็กซี่ ชิ้นส่วนภายในที่หรูหราของ Mark II จึงถูกแทนที่ด้วยแผงคอนโซลดัดแปลงจาก Crown Sedan S130 รุ่นพื้นฐาน และวัสดุภายในที่เป็นพลาสติกทั้งหมดแบบเรียบง่ายและไม่เทอะทะ
รุ่น Crown Sedan ที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Comfort ได้รับการปรับโฉมด้วยกันชนตกแต่งด้วยโครเมียม, คิ้วข้างตัวรถแบบสีเดียวกับตัวถัง, ไฟท้ายดีไซน์ใหม่, และแผงฝากระโปรงหลังพร้อมชุดไฟเพิ่มเติม รวมถึงกรอบป้ายทะเบียนแบบโครเมียม ภายในก็มีการอัปเดตเช่นกัน ด้วยแผงหน้าปัดที่ดูหรูหรายิ่งขึ้น และองค์ประกอบบางส่วนยกมาจาก Crown Sedan รุ่น S150 นอกจากนี้ ยังใช้พวงมาลัยเดียวกับ Toyota Camry XV30
ในรุ่นแท็กซี่จะติดตั้ง กระจกมองข้างที่แก้ม (fender mirrors) ในขณะที่รุ่นส่วนบุคคลและรถฝึกขับจะใช้กระจกมองข้างที่ติดบนประตู (door mirrors) Comfort รุ่นแรกๆ ที่ต่ำกว่ารุ่น SG จะมาพร้อม กระจกมือหมุนทั้ง 4 บาน โดยจะมีตัวเลือกเสริมเป็นกระจกไฟฟ้าเฉพาะคู่หน้า และเริ่มกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในต้นปี 1997 ในปี 2007 Toyota เพิ่มตัวเลือกเป็น กระจกไฟฟ้าทั้ง 4 บาน สำหรับบางรุ่น
กันชนหน้าได้รับการออกแบบให้สามารถถอดแยกเป็นสองส่วนได้ และไฟส่องสว่างสามารถถอดออกได้อย่างง่ายดายในกรณีเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความสะดวกในการซ่อมแซม
Toyota มีเวอร์ชัน Welcab สำหรับ Comfort รุ่นแท็กซี่ โดยติดตั้งเบาะผู้โดยสารตอนหลังแบบหมุนได้ เพื่อช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวสามารถขึ้นและลงรถได้สะดวกขึ้น รถเหล่านี้สามารถระบุได้จาก สัญลักษณ์ผู้พิการสากล (International Symbol of Access) ที่ประตูด้านนั้น ๆ
Comfort และ Crown Sedan ที่ใช้ในงานแต่งแบบชินโตยังสามารถเลือกติดตั้ง "หลังคาสวิง" ได้ ซึ่งเป็นแผ่นหลังคาบานพับเหนือประตูผู้โดยสารตอนหลังที่เปิดขึ้นด้านบน เพื่อให้เจ้าสาวสามารถขึ้นรถได้โดยไม่ติดวิกและเครื่องประดับศีรษะ
ในปี 2002 Comfort ทุกรุ่นได้รับการติดตั้ง ระบบ ABS และถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ปี 2004 มีการเปลี่ยนไฟเบรกดวงที่ 3 เป็น หลอด LED แทนหลอดไส้แบบเดิม และเพิ่มไฟเลี้ยวด้านข้าง (แบบเดียวกับที่ใช้ใน Toyota bB รุ่น XP30) ที่บริเวณซุ้มล้อหน้า
ในเดือนสิงหาคม 2007 Crown Comfort รุ่นตลาดฮ่องกง ได้รับการปรับโฉมโดยใช้กันชนตกแต่งโครเมียม, ไฟท้าย และฝาท้ายแบบเดียวกับ Crown Sedan รุ่นตลาดญี่ปุ่น
ช่วงปลายปี 2007 มีการอัปเดตระบบไอเสียของ Comfort ให้ผ่านมาตรฐานมลพิษที่เข้มงวดมากขึ้นตามที่ Toyota กำหนด และมีการเพิ่มการใช้ไฟ LED สำหรับไฟส่องสว่างภายในมากขึ้น พนักพิงศีรษะขนาดใหญ่ เริ่มนำมาใช้ตั้งแต่รุ่น SG และ Crown Sedan ราวปี 2001 และทยอยใช้งานในรุ่น Standard และ Deluxe (แท็กซี่) จนถึงปี 2012
ทุกรุ่นในเวลาต่อมา ได้รับ ถุงลมนิรภัยฝั่งผู้โดยสารและระบบ Start-Stop เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยระบบ Start-Stop มีเฉพาะในตลาดญี่ปุ่นเท่านั้น
Comfort รุ่นฝึกขับมีเฉพาะในเกรด Deluxe เท่านั้น และติดตั้ง แป้นเบรกฝั่งผู้โดยสาร สำหรับครูผู้สอน อีกทั้งยังมีตัวเลือก ลบรหัสวิทยุ (radio delete) สำหรับรุ่นนี้
Comfort ที่ผลิตระหว่างปี 1995–1997 ส่วนมาก (หรืออาจจะทั้งหมด) มาพร้อม มาตรวัดความเร็วเสริมแบบดิจิทัลตรงคอนโซลกลาง เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในปี 1996 มีการเพิ่มตัวเลือก ไฟเตือนเบรก ตรงคอนโซลกลาง รถที่ผลิตในปี 1997 จะย้ายไฟเตือนนี้ไปที่ฝั่งผู้โดยสารบนแดชบอร์ด และเพิ่มไฟแสดงสถานะแป้นคลัตช์และคันเร่งด้วย
รถที่ผลิตหลังปี 1998 เป็นต้นไป มีการย้ายไฟเตือนทั้งหมดมาอยู่ที่ แผงคอนโซลกลางดีไซน์ใหม่
Comfort GT-Z Supercharger เป็นรถคอมพลีทคาร์ที่ผลิตโดย Toyota Technocraft โดยมีพื้นฐานมาจาก Comfort รุ่นฝึกขับ (ขนาด 2,000cc เบนซิน - รหัส SXS13Y) รถต้นแบบคันแรกถูกสร้างขึ้นในปี 2002 และรถที่วางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์จำนวน 59 คันถูกผลิตขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม 2003 ถึงกุมภาพันธ์ 2004
รถรุ่นนี้ได้รับ รางวัลยอดเยี่ยมในหมวดรถแต่ง ในงาน Tokyo Auto Salon ปี 2003 และเริ่มเปิดรับคำสั่งซื้อในวันที่ 24 มิถุนายน จนถึง 17 พฤศจิกายนของปีเดียวกัน ผ่านทางโชว์รูมของ Toyopet ในพื้นที่โตเกียว ชิบะ ไซตามะ และคานากาวะ โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ระหว่าง 2,270,000 – 2,918,000 เยน
พื้นฐานของรถรุ่นนี้คือ เครื่องยนต์ 3S-FE แบบ 4 สูบเรียง DOHC (High Mecha Twin Cam) ซึ่งได้ถูกจับคู่กับ ซูเปอร์ชาร์จเจอร์แบบ Roots (รุ่น TX07) ผลิตโดย Ogura Clutch และใช้น้ำมันเบนซินพรีเมียม ส่งผลให้ได้แรงดันอัด 0.3kgf/cm² กำลังสูงสุด 118kW (160PS) ที่ 6,100rpm และแรงบิด 221Nm (22.5kgm) ที่ 3,300rpm
เมื่อเทียบกับรุ่นปกติที่มีกำลัง 96kW (130PS) ที่ 5,600rpm และแรงบิด 181Nm (18.5kgm) ที่ 4,400rpm ถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 26%
เมื่อเปรียบเทียบกับ Altezza RS (SXE10) ที่ใช้เครื่องยนต์ 3S-GE วางแนวยาว (มีกำลัง 210PS/7,600rpm และแรงบิด 22.0kgm/6,400rpm ตามข้อมูลจากแคตตาล็อก) จะเห็นว่า GT-Z มีช่วงแรงบิดที่กว้างกว่าในรอบต่ำ พร้อมการจูนเพื่อความง่ายในการควบคุมและพละกำลังที่มากขึ้นบนพื้นฐานของแชสซีมาตรฐานที่มีสมรรถนะเหนือกว่าเครื่องยนต์
ติดตั้งอุปกรณ์เฉพาะต่าง ๆ เช่น:
ตัวรถถูกออกแบบโดย ตัดโครเมียมทั้งหมดออก และติด โลโก้พิเศษที่ฝาท้ายด้านซ้าย ทำให้ได้อารมณ์สปอร์ตซีดานยุค 80 อย่างชัดเจน ความสูงของรถลดลงจากมาตรฐาน 30mm โดยยังคงคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานประจำวัน
สามารถเลือกติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ได้ เช่น:
เนื่องจากตำแหน่งของสวิตช์ไฟฉุกเฉิน (Hazard) ถูกแทนที่ด้วยเกจวัด 3 ช่อง จึงถูกย้ายไปที่ปลายก้านไฟเลี้ยว แบบเดียวกับรุ่นแท็กซี่
ในปี 2004 สำนักแต่ง OKUYAMA ได้นำรถฝึกขับ Comfort รุ่น 1800 (SXS11Y) มือสอง 3 คันที่ Toyota Technocraft จัดหามา มาดัดแปลง โดยใช้ 2 คันสำหรับสร้าง และอีก 1 คันเป็นอะไหล่สำรอง เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น 3S-GTE พร้อมชุดแอร์โรพาร์ทจาก Do-Luck และติดตั้งประตูแบบ Gullwing กลายเป็น Comfort เวอร์ชันดริฟต์ที่ใช้ในงานโชว์ต่าง ๆ
หลังจากนั้น รถคันนี้ถูกจอดทิ้งไว้โดยไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน D1 Grand Prix จนกระทั่งปี 2006 ได้ถูกดัดแปลงครั้งใหญ่โดย OKUYAMA อีกครั้งเพื่อเป็นรถหมายเลข 2 ของทีม APP Racing สำหรับลงแข่งในรายการ D1 Grand Prix ประจำปี
ในการปรับปรุงเพื่อเข้าแข่งขัน ได้ติดตั้งโป่งล้อ (Overfender) และถอดประตู Gullwing ออกตามกฎข้อบังคับ ในการแข่งขันสนามที่ 3 ณ ฟูจิสปีดเวย์ ปีเดียวกัน สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 คนสุดท้ายในการดวลไล่ตาม (Tanso) ได้สำเร็จ
Toyota JPN Taxi (NTP10) | |
---|---|
![]() Toyota JPN TAXI | |
![]() Hong Kong spec | |
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | Toyota |
เรียกอีกชื่อ | Toyota Comfort Hybrid (Hong Kong) Toyota Thai Taxi (Thailand) |
เริ่มผลิตเมื่อ | October 2017 – present |
แหล่งผลิต | Japan: Susono, Shizuoka (Toyota Motor East Japan); Ōhira, Miyagi (Toyota Motor East Japan) |
ผู้ออกแบบ | Hiroshi Kayukawa |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | Taxi |
รูปแบบตัวถัง | 5-door MPV |
โครงสร้าง | Front-engine, front-wheel-drive |
แพลตฟอร์ม | Toyota B platform |
รุ่นที่คล้ายกัน | Toyota Sienta Hybrid (XP170) |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | 1.5 L 1NZ-FXP I4 |
มอเตอร์ไฟฟ้า | 45 kW (61 PS) 2LM AC synchronous |
ระบบเกียร์ | 1-speed planetary gear |
ระบบขับเคลื่อนรถไฮบริด | Full hybrid (THS II) |
แบตเตอรี่ | Nickel–metal hydride |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 2,750 mm (108.3 in) |
ความยาว | 4,400 mm (173.2 in) |
ความกว้าง | 1,695 mm (66.7 in) |
ความสูง | 1,750 mm (68.9 in) |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | Toyota Comfort/Toyota Crown Sedan |
→ ดูเพิ่มเติมในหัวข้อ [Toyota Japan Taxi]
ชื่อ “Comfort” ยังคงถูกใช้ต่อในรถที่จำหน่ายในฮ่องกงและมาเก๊า โดยเป็นรุ่นที่ปรับมาจาก Toyota Japan Taxi สำหรับตลาดญี่ปุ่น
ในด้านภายนอก ตัวรถใช้พื้นฐานจาก เกรด “和(นากามิ)” ซึ่งเป็นเกรดมาตรฐานของ Japan Taxi ส่วนภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งใกล้เคียงกับ เกรด “匠(ทาคุมิ)” ซึ่งเป็นเกรดระดับสูง อย่างไรก็ตาม มีจุดที่แตกต่างจาก Japan Taxi หลายประการ ได้แก่:
นอกจากนี้ กระจกมองข้างแบบติดแก้มหน้า (fender mirrors) ที่เป็นเอกลักษณ์ของแท็กซี่ญี่ปุ่น ก็ยังคงใช้งานอยู่ใน Comfort รุ่นที่สองนี้เหมือนกับ Japan Taxi
ณ เดือนมีนาคม ปี 2024 เป็นต้นมา ชื่อรุ่นของรถถูกเปลี่ยนเป็น “TAXI” อย่างเป็นทางการ และไม่มีการใช้ชื่อ “Comfort” อีกต่อไป
สำหรับในประเทศไทย
เมื่อเดือนมีนาคม 2023 Toyota Motor ประเทศไทย ได้นำรถยนต์ JPN TAXI มาปรับเปลี่ยนสีตัวถังภายนอกเป็นสี เขียว-เหลือง และประกาศว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนศึกษาความเป็นไปได้ของการประกอบ Toyota LPG-HEV Taxi หรือ Toyota THAI TAXI ณ โรงงานในประเทศไทย[4]