โตโยต้า ยาริส (XP150) | |
---|---|
2016 โตโยต้ายาริส 1.5 G (NCP150; ก่อนปรับโฉม, อินโดนีเซีย) | |
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | โตโยต้า |
เรียกอีกชื่อ | โตโยต้า วีออส (เอเชีย; เก๋ง)/วีออส เอฟเอส (จีน; แฮทช์แบ็ก, FAW-Toyota) |
เริ่มผลิตเมื่อ | เมษายน พ.ศ. 2556 – ปัจจุบัน |
แหล่งผลิต |
|
ผู้ออกแบบ |
|
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | รถยนต์นั่งขนาดเล็กมาก |
รูปแบบตัวถัง | |
โครงสร้าง | เครื่องวางหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า |
แพลตฟอร์ม | Toyota B platform |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | |
ระบบเกียร์ |
|
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 2,550 mm (100.4 in) |
ความยาว | |
ความกว้าง |
|
ความสูง | 1,475–1,500 mm (58.1–59.1 in) |
น้ำหนัก |
|
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า |
|
รุ่นต่อไป |
|
โตโยต้า ยาริส รหัส XP150 มีพื้นฐานมาจากโตโยต้า วีออส รหัส XP150 เช่นกัน โดยเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กมาก ได้รับการผลิตและจำหน่ายโดยโตโยต้าภายใต้ชื่อโตโยต้า ยาริส ตั้งแต่ พ.ศ. 2556 เปิดตัวครั้งแรกที่นิทรรศการแสดงรถยนต์แห่งชาติเซี่ยงไฮ้ครั้งที่ 15 ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2556 ยาริสได้ทำตลาดในกลุ่มประเทศในเอเชียบางประเทศรวมถึงประเทศจีน ไต้หวัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแถบตะวันออกกลาง ยาริส รหัส XP150 เป็นแฮทช์แบ็กที่มีขนาดใหญ่กว่าและยาวกว่าวยาริส (วิทซ์) รหัส XP130 ที่ซึ่งขายในเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น อเมริกาเหนือ ยุโรปและออสเตรเลีย[4] ยาริสแฮทช์แบ็กรหัส XP150 ยังทำตลาดในชื่อยาริสสปอร์ตที่ประเทศชิลีตั้งแต่ พ.ศ. 2557 ประเทศเม็กซิโกและอาร์เจนติน่าใน พ.ศ. 2559 ซึ่งล้วนนำเข้าจากประเทศไทย[5][6] ซึ่งมาแทนยาริสที่มีพื้นฐานมาจากวิทซ์ (รหัส XP130)
ปกติแล้ว โตโยต้า ยาริส ทำตลาดอยู่ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กมาก ประเภททั่วไป (เช่น ฮอนด้า แจ๊ซ, เชฟโรเลต โซนิค, มาสด้า 2) แต่นับตั้งแต่ พ.ศ. 2553 เป็นต้นมาได้เกิดตลาดใหม่ในประเทศไทย คือ ตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กมาก ประเภทอีโคคาร์ ซึ่งจะเป็นรถยนต์ระดับต่ำกว่า ใช้เครื่องเล็ก ประหยัดน้ำมันกว่า ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า และได้มาตรการสนับสนุนด้านการลดภาษีจากรัฐบาล ทำให้มีราคาถูกกว่ารถประเภททั่วไป โตโยต้าจึงต้องการจะทำตลาดกลุ่มอีโคคาร์บ้าง แต่ไม่ต้องการให้มีรถยนต์นั่งขนาดเล็กมาก 5 ประตูขายพร้อมกันสองประเภท จึงตัดสินใจ ยุติการผลิตยาริสเดิมลง พัฒนาอีโคคาร์รุ่นใหม่ขึ้นมาให้ได้ตามเงื่อนไขอีโคคาร์ของรัฐบาล ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับยาริสเดิมแม้แต่น้อย แต่ยืมชื่อยาริสมาใช้ในการทำตลาดเพียงเท่านั้น ดังนั้น รุ่นนี้จึงไม่สามารถนับเป็นยาริสรุ่นที่ 4 ได้ และไม่สามารถเปรียบเทียบราคาได้กับ ฮอนด้า แจ๊ซ, มาสด้า 2, เชฟโรเลต โซนิคได้เหมือนรุ่นเดิม แต่ต้องเปรียบเทียบกับรถยนต์ที่อยู่ในโครงการอีโคคาร์เช่นเดียวกัน เช่น ฮอนด้า บริโอ้, นิสสัน มาร์ช, ซูซูกิ สวิฟต์, มิตซูบิชิ มิราจ จึงจะถูกต้อง
ด้วยการใช้ชื่อยาริส อีกทั้งโตโยต้ายังออกแบบ เฉพาะห้องโดยสารและลายล้อ ให้คล้ายคลึงกับ โตโยต้า วีออส 2013 (ซึ่งเป็นรถประเภทปกติ ไม่ใช่อีโคคาร์) ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากเข้าใจผิดว่าเป็นรุ่นต่อจากยาริสรุ่นเดิมที่เป็นประเภทปกติ และไปเทียบราคากับคู่แข่งของยาริสเดิม แล้วเข้าใจว่าเป็นยาริสรุ่นใหม่ที่ลดราคาลงถูกกว่าคู่แข่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วราคาที่ปรับถูกลง เนื่องจากตัวรถนั้นได้มีการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ลงจากเดิม 1.5 ลิตร เป็นอีโคคาร์ที่ 1.2 ลิตร ซึ่งยาริส อีโคคาร์นั้นก็มีจุดเด่นที่ขนาดซึ่งใหญ่ที่สุดในบรรดารถอีโคคาร์ 5 ประตูในตลาดทั้งหมดและเครื่องยนต์ที่มีอัตราเร่งที่ดีในขณะนั้น
Toyota Yaris ถือได้ว่าเป็นรถ Eco car ยอดนิยมของคนไทย และทางโตโยต้าประเทศไทยก็ไม่พลาดที่จะนำรถยนต์รุ่นนี้ไปตกแต่งในเวอร์ชั่นพิเศษ 60th Anniversary เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโตโยต้าประเทศไทยครบรอบ 60 ปี เคาะราคาขายที่ 709,000 บาท บนพื้นฐานของรุ่น Sport Premium (Two-Tone) / X มาพร้อมตัวถังสีขาวมุก Platinum White Pearl / Black Roof จำกัดแค่ 1,000 คันเท่านั้น
ความพิเศษของ Yaris 60th Anniversary รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี มีดังนี้
นอกจากนี้ ยังมี Yaris 60th Anniversary ที่ Wrap สี Laminated Grey ด้วยฟิล์มลามิเนต มูลค่า 57,000 บาท จำหน่ายเพียงโชว์รูมละ 1 คันเท่านั้น
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์ TOYOTA YARIS เพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์นั่งขนาดเล็กในประเทศไทย ด้วยดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง ตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พร้อมสมรรถนะการขับขี่คล่องตัว และมีจุดเด่นที่ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ที่สำคัญเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถยนต์โตโยต้า “Toyota Safety Sense” นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวในการแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการผ่านระบบออนไลน์ว่า “โตโยต้าได้แนะนำรถยนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงนั่นคือ TOYOTA YARIS ซึ่งมียอดขายรวมในประเทศไทยกว่า 418,000 คัน* นับตั้งแต่เปิดตัวในปี พ.ศ.2548 และยังได้รับความนิยมด้วยยอดขายอันดับ 1 ในตลาดอีโคคาร์แฮทช์แบ็คในปี พ.ศ.2565 ที่ผ่านมาอีกด้วย ในวันนี้ผมมีความยินดี ที่จะแนะนำ TOYOTA YARIS รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาทั้งในด้านรูปลักษณ์ และฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น” นายรัฐพล ชุมสมุทร หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค กล่าวถึงการพัฒนารถรุ่นนี้ว่า “TOYOTA YARIS รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่นี้ เรารักษาจุดแข็งของคอมแพคแฮทช์แบ็คไว้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความประหยัดน้ำมัน ความนุ่มนวล และคล่องแคล่วในการขับขี่ ห้องโดยสารนั่งสบาย เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย และครั้งนี้เรายังได้เสริมจุดเด่นของผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตอบรับแอคทีฟไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่”
รุ่น | เครื่องยนต์ | ราคาเปิดตัว | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
PREMIUM S | 3NR-FKE 1.2 ลิตร เบนซิน | 694,000 บาท | |
PREMIUM | 679,000 บาท | ||
SMART | 619,000 บาท | ||
SPORT | 559,000 บาท | รุ่นเริ่มต้น |
ราคายังไม่รวมชุดอุปกรณ์ตกแต่งมาตรฐาน LUSSO (ลูสโซ่) , CHIARO (เคียโร่) และ PRESTO (เพรสโต้)
มีทั้งหมด 8 สี คือสีเทา Cement Gray Metallic (สีใหม่) , สีเงิน Metal Stream (สีใหม่) , สีเทา Urban Metal (สีใหม่) , สีแดง Red Mica Metallic , สีดำ Attitude Black Mica , สีขาว Super White , สีส้ม Spicy Scarlet และสีขาวมุก Platinum White Pearl
สีเทา Cement Gray Metallic (เฉพาะรุ่น SMART / SPORT), สีส้ม Spicy Scarlet จะมีในรุ่น SMART และสีขาวมุก Platinum White Pearl (ยกเว้นรุ่น SPORT) เป็นสีพิเศษ เพิ่มเงิน 7,000 บาท , สีขาว Super White II จะมีในรุ่น SPORT , สีขาวมุก Platinum White Pearl จะมีในรุ่น SMART, PREMIUM และ PREMIUM S
ความเปลี่ยนแปลงของ Toyota Yaris Minorchange 2023 มีดังนี้