โทกูงาวะ อากิตาเกะ

โทกูงาวะ อากิตาเกะ
ไดเมียวแห่งแคว้นมิโตะ คนที่ 11
ดำรงตำแหน่ง
1868–1871
ก่อนหน้าโทกูงาวะ โยชิอัตสึ
ถัดไปแคว้นศักดินาถูกยกเลิก
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด26 ตุลาคม ค.ศ. 1853(1853-10-26)
เสียชีวิต3 กรกฎาคม ค.ศ. 1910(1910-07-03) (56 ปี)

โทกูงาวะ อากิตาเกะ (ญี่ปุ่น: 徳川 昭武; 26 ตุลาคม 1853 – 3 กรกฎาคม 1910) เป็นน้องชายต่างมารดาของโทกูงาวะ โยชิโนบุ (徳川 慶喜) โชกุนคนสุดท้ายของญี่ปุ่น และไดเมียวคนสุดท้ายของแคว้นศักดินามิโตะ เขาเป็นตัวแทนของรัฐบาลโชกุนโทกูงาวะในราชสำนักของมหาอำนาจในยุโรปหลายแห่งในช่วงท้ายของยุคบากูมัตสึ

ชีวประวัติ

[แก้]

ชีวิตในวัยเด็ก

[แก้]

โทกูงาวะ อากิตาเกะเกิดในชื่อ มัตสึไดระ โยฮาชิมาโระ (松平 余八麿) เป็นบุตรชายคนที่ 18 ของโทกูงาวะ นาริอากิ (徳川 斉昭) ไดเมียวแห่งแคว้นศักดินามิโตะคนที่ 9 ที่ที่พักรองของแคว้นศักดินามิโตะ ใน โคมาโงเมะ (駒込), เอโดะ ในปี 1853 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เกิดเหตุการณ์การเดินทางของเพร์รี เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย เขาจึงย้ายไปอยู่ที่แคว้นศักดินามิโตะ เมื่ออายุได้ 6 เดือน และกลับมาที่เอโดะในปี 1863 ในปีเดียวกัน เขาถูกส่งไปเกียวโตในฐานะตัวแทนผู้นำของแคว้นมิโตะ เนื่องจากอาการป่วย (และเสียชีวิตในปี 1864) ของมัตสึไดระ อากิคูนิ พี่ชายร่วมมารดาของเขา เกียวโตอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายมากในช่วงเวลานั้น โดยกองกำลังที่สนับสนุนรัฐบาลโชกุนต่อสู้กับโรนินผู้สนับสนุน ซนโนโจอิ (尊王攘夷) และซามูไรจากแคว้นทางตะวันตกที่ต่อต้านรัฐบาลโชกุนตามท้องถนนในอุบัติการณ์คินมง (禁門の変) และเขาถูกบังคับให้เปลี่ยนที่พักอาศัยบ่อยครั้ง เพื่อความปลอดภัย เมื่อโชกุนคนที่ 14 โทกูงาวะ อิเอโมจิ (徳川家茂) ถึงแก่อสัญกรรมในปี 1866 เขาถูกเรียกตัวกลับไปที่เอโดะ และเปลี่ยนชื่อจากมัตสึไดระ อากิโนริเป็นโทกูงาวะ อากิตาเกะ ในปี 1867 เขาได้รับการประกาศให้เป็นผู้นำตระกูลชิมิสึ-โทกูงาวะ (清水徳川家) ซึ่งเป็นหนึ่งใน Gosankyō ของตระกูลโทกูงาวะซึ่งมีสิทธิที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งโชกุน

อาชีพนักการทูต

[แก้]

ในปลายปี 1866 ขณะมีอายุเพียง 14 ปี โทกูงาวะ อากิตาเกะได้รับมอบหมายให้เป็นทูตพิเศษนำคณะผู้แทนญี่ปุ่นไปร่วม งานนิทรรศการโลก ที่กรุงปารีสในปี 1867 ซึ่งญี่ปุ่นมีศาลาหนึ่งหลัง[1] ชิบูซาวะ เออิอิชิ (渋沢 栄一) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมุห์บัญชีและเลขานุการของโทกูงาวะ อากิตาเกะ ในปี 1866 และได้รับมอบหมายให้ร่วมคณะผู้แทนไปกรุงปารีส เขาจดบันทึกระหว่างปฏิบัติภารกิจ[2] คณะเดินทางออกจากโยโกฮามะในวันที่ 11 มกราคม 1867 ในรัชสมัยของจักรพรรดิเมจิ และถึงปารีสในอีก 2 เดือนต่อมา[3] [4] งานดังกล่าวกระตุ้นความสนใจอย่างมากในยุโรป และทำให้ผู้เข้าชมจำนวนมากได้สัมผัสกับศิลปะและเทคนิคของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก[5]

การเข้าเฝ้าจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ของคณะเดินทางของเขาประสบความสำเร็จ และเมื่องานสิ้นสุดลง โทกูงาวะ อากิตาเกะได้เข้าเฝ้าพระเจ้าวิลเลิมที่ 3 แห่งเนเธอร์แลนด์ พระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเลที่ 2 แห่งอิตาลี และสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียระหว่างการเดินทางไปยังหลายประเทศในยุโรป[6][7] กับพระเจ้าเลออปอลที่ 2 แห่งเบลเยียม พระองค์ได้ตรวจสอบกองทหารที่สวมเสื้อคลุมต่อสู้แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นซึ่งถูกถ่ายภาพในครั้งนั้น

หมายเหตุ

[แก้]
  1. Marcouin 1990, p. 36.
  2. Shibusawa 1944, pp. 436–450.
  3. Totman 1980, p. 280.
  4. Shibusawa 1944, pp. 450–485.
  5. Polak 2001, p. 35.
  6. Shibusawa 1944, pp. 497–502.
  7. Including a gold pocket watch with enameled portrait of Tokugawa Akitake inside, objects related to the 1867 delegation are in the collection of Tokugawa Akitake artifacts at his villa in Matsudo, Chiba, now a public history museum called Tojōkan. The residential building as well as gardens are restored.

อ้างอิง

[แก้]
  • Shibusawa Eiichi (1944). Shibusawa Eiichi Denki Shiryō (Biographic Documents of Eiichi Shibusawa). Volume 1–58, supplement 1–10 rdited by Ryūmonsha. Iwanami Shoten, Tokyo: ASIN B000JBKGHC.
  • Totman, Conrad D. (1980). The Collapse of the Tokugawa Bakufu, 1862–1868 (Reissue edition). University of Hawaii Press, Hawaii: ISBN 978-0-8248-0614-9.
  • Sumi Yutaka. (1984). 徳川昭武 万博殿様一代記 Tokugawa Akitake bampaku tonosama ichidaiki (Japanese) Chuōkōronsha (Chukō shinsho 750), Tokyo: ISBN 978-4-1210-0750-6.
  • Marcouin, Francis, Omoto Keiko (1990) Quand le Japon s'ouvrit au monde (French) Gallimard, Paris: ISBN 2-07-076084-7.
  • Omoto Keiko, フランシス マクワン (1996) 日本の開国―エミール・ギメ あるフランス人の見た明治 Nihon no kaikoku: Emīru Gime, aru Furansujin no mita Meiji. Sogensha, Osaka: ISBN 978-4-4222-1114-5
  • Miyaji Masato. Matsudo Kyōiku Iinkai ed. (1999). 徳川昭武幕末滞欧日記 Tokugawa Akitake Bakumatsu Taiō Nikki (Japanese) Yamakawa Shuppansha, Tokyo: ISBN 978-4-6345-2010-3.
  • Miyanaga Takashi. (2000). プリンス昭武の欧州紀行―慶応3年パリ万博使節 Purinsu Akitake no Ōshūkikō--Keiō 3-nen Pari Bampaku Shisetsu (Japanese) Tokyo: Yamakawa Shuppansha, ISBN 978-4-6346-0840-5.
  • Polak, Christian. (2001). Soie et lumières: L'âge d'or des échanges franco-japonais (des origines aux années 1950). Tokyo: Chambre de Commerce et d'Industrie Française du Japon, Hachette Fujin Gahōsha (アシェット婦人画報社) ISBN 4-573-06210-6. OCLC 50875162.
  • __________. (2002). 絹と光: 知られざる日仏交流100年の歴史 (江戶時代-1950年代) Kinu to hikari: shirarezaru Nichi-Futsu kōryū 100-nen no rekishi (Edo jidai-1950-nendai) (French and Japanese) Tokyo: Ashetto Fujin Gahōsha, 2002. ISBN 978-4-573-06210-8; OCLC 50875162.
  • Nish, Ian. (2008). The Iwakura Mission to America and Europe: A New Assessment (Meiji Japan) Routledge ISBN 978-0-4154-7179-4