โบ-คาทาน ครีซ

โบ-คาทาน ครีซ
ตัวละครใน สตาร์ วอร์ส
เคที แซ็คฮอฟฟ์ เป็น โบ-คาทาน ครีซ
ใน "Chapter 11: The Heiress"
ของ เดอะแมนดาลอเรียน
ปรากฏครั้งแรก
สร้างโดยเดฟ ฟิโลนี
ออกแบบโดยดาร์เรน มาร์แชล
ให้เสียงโดยเคที แซ็คฮอฟฟ์
แสดงโดยเคที แซ็คฮอฟฟ์
ข้อมูลตัวละครในเรื่อง
เพศหญิง
ตำแหน่งคุณหญิง
อาชีพ
สังกัด
อาวุธดาร์กเซเบอร์
ครอบครัวอโดนาย ครีซ (พ่อ)
ซาทีน ครีซ (พี่สาว)
คอร์กี ครีซ (หลานชาย)
ดาวบ้านเกิดแมนดาลอร์

โบ-คาทาน ครีซ (อังกฤษ: Bo-Katan Kryze) เป็นตัวละครสมมติในแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส เธอได้รับการแนะนำตัวในแอนิเมชันชุดทางโทรทัศน์ สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส พากย์เสียงโดย เคที แซ็คฮอฟฟ์ ในเวลาต่อมาแซ็คฮอฟฟ์กลับมารับบทบาทในแอนิเมชันภาคต่อเรื่อง สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ และได้มีการเปิดตัวตัวละครฉบับคนแสดงในซีซัน 2 ของละครชุดของดิสนีย์+ เดอะแมนดาลอเรียน

ใน เดอะ โคลน วอร์ส โบ-คาทานเป็นสมาชิกของกลุ่มเดธวอทช์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายของชาวแมนดาลอร์ ที่ต้องการฟื้นฟูวิถีนักรบโบราณของดาวแมนดาลอร์ นอกจากนี้เธอยังเป็นน้องสาวของดัชเชสซาทีน ครีซ ผู้ปกครองซึ่งรักสงบแห่งดาวแมนดาลอร์ ซึ่งพวกเธอต้องเหินห่างจากกันเนื่องจากความเห็นต่างทางการเมือง ต่อมาเธอเป็นพันธมิตรกับอดีตเจได อาโซกา ทาโน และสาธารณรัฐกาแลกติกในการปลดปล่อยดาวแมนดาลอร์จากการปกครองของดาร์ธ มอล ใน เรเบลส์ นั้น โบ-คาทานได้รับการประกาศให้เป็นผู้ปกครองคนใหม่ของดาวแมนดาลอร์ ใน เดอะแมนดาลอเรียน หลังจากการกวาดล้างครั้งใหญ่ของแมนดาลอร์ เธอพยายามที่จะกู้ดาร์กเซเบอร์คืนจากมอฟฟ์กิเดียนและยึดดาวบ้านเกิดของเธอกลับคืนมา

แนวคิดและการสร้างตัวละคร

[แก้]

เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2012 โบ-คาทาน ครีซ ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกใน สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส ซีซันสี่ ตอน "A Friend in Need" พากย์เสียงโดยเคที แซ็คฮอฟฟ์ แม้ว่าเดิมทีตัวละครนี้จะไม่รวมอยู่ในบทสำหรับตอนนี้ แต่ผู้กำกับเดฟ ฟิโลนีได้เพิ่มตัวละครนี้เข้าไปเพื่อจัดเตรียมบทบาทของเธอที่ใหญ่ขึ้นในซีซันห้าของแอนิเมชันชุดนี้ โดยเนื่องจากการยกเลิกในตอนแรกของแอนิเมชันชุดและการต่ออายุแอนิเมชันชุดในหลายปีต่อมานั้น โบ-คาทานจะไม่กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งใน เดอะ โคลน วอร์ส จนกระทั่งซีซันเจ็ด ซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายของแอนิเมชันชุดนี้ในปี ค.ศ. 2020 ในช่วงที่เว้นไประหว่างซีซันหกและเจ็ดของ เดอะ โคลน วอร์ส โบ-คาทานปรากฏตัวในหลายตอนของ สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ ซึ่งตอนเหล่านั้นดำเนินเรื่องสิบห้าปีหลังจากเหตุการณ์ใน เดอะ โคลน วอร์ส

ชื่อของ โบ-คาน เป็นการเล่นคำจากคำว่า "บูกี-แคท-แอนน์" ที่ออกเสียงพร้อมกัน โดยหมายถึงชื่อแมวของภรรยาของฟิโลนีชื่อแอนน์[2] โบ-คาทานเป็นนักรบที่แก่นของเธอและทิ้งการเมืองที่เกี่ยวกับความเป็นผู้นำไว้ให้กับนักการทูตอย่างเช่นพี่สาวของเธอ ดัชเชสซาทีน ครีซ เธอมีข้อผิดพลาดและสำนึกถึงความสำคัญของตนเอง แต่เธอก็เข้าใจวัฒนธรรมนักรบชาวแมนดาลอร์ และเมื่อเวลาผ่านไปก็เติบโตขึ้นสู่บทบาทของเธอในฐานะผู้นำ[3]

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 แซ็คฮอฟฟ์ยืนยันว่าเธอจะรับบทเป็นโบ-คาทานในละครชุดคนแสดงในซีซันสองที่กำลังจะมาถึงของ เดอะแมนดาลอเรียน โดยปรากฏตัวในตอน "Chapter 11: The Heiress" ซึ่งฉายเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ชอว์นา ทริปสิก มอบหมายให้ประติมากร โฮเซ เฟอร์นันเดส และไอรอนเฮดสตูดิโอส์ของเขาสร้างชุดเกราะแมนดาลอเรียนให้กับโบ-คาทาน[4] แซ็คฮอฟฟ์หวังว่าจะได้เล่นตัวละครนี้ในรูปแบบคนแสดงแต่คาดว่าพวกเขาคงจะคัดเลือกนักแสดงใหม่ที่มีชื่อเสียงมากกว่าเช่น สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน แต่ในท้ายที่สุดนั้นเมื่อเธอได้สวมชุดเกราะเป็นครั้งแรก เธอก็รู้สึกท่วมท้นและร้องไห้ด้วยความดีใจ[5]

การปรากฏตัว

[แก้]
โบ-คาทาน ครีซ ได้รับการให้เสียงและต่อมาก็ได้รับการแสดงในซีรีส์คนแสดงโดย เคที แซ็คฮอฟฟ์

สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส

[แก้]

ซีซันสี่

[แก้]

โบ-คาทาน ครีซ (ให้เสียงโดย เคที แซ็คฮอฟฟ์) ปรากฏตัวครั้งแรกในซีซันสี่ของ สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส ในตอน "A Friend in Need" ในฐานะผู้หมวดแห่งเดธวอทช์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลที่รักสงบของดาวแมนดาลอร์ภายใต้การนำของพรี วิซลา (พากย์เสียงโดย จอน แฟฟโรว์)[6][7] เธอเป็นผู้นำกลุ่มไนท์อาวส์ซึ่งเป็นหน่วยชั้นยอดในเดธวอทช์[8] ในตอนนี้ ลักซ์ บอนเทรีได้พบกับเดธวอทช์บนดาวคาร์แลกเพื่อผนึกกำลังเพื่อต่อสู้กับเคานต์ดูกู โดยอาโซกา ทาโนและอาร์ทูดีทูถูกบังคับให้ติดตามเขาไป พวกเขาพบกับโบ-คาทานซึ่งสั่งให้อาโซกาทำงานร่วมกับผู้หญิงจากหมู่บ้านท้องถิ่นที่ถูกทำให้เป็นทาสโดยเดธวอทช์ ในเวลาต่อมา โบ-คาทานและเดธวอทช์เผาหมู่บ้านและสังหารชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ อาโซกาเปิดเผยตัวเองว่าเป็นเจไดและต่อสู้กับเดธวอทช์ก่อนที่จะถูกจับเข้าคุก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกปล่อยตัว ในขณะที่อาโซกา, อาร์ทูดีทู และลักซ์หลบหนีไปยังยานของพวกเขา โบ-คาทานก็ไล่ตามพวกเขาและพยายามฆ่าอาโซกาแต่ก็พ่ายแพ้ไป[9][10]

ซีซันห้า

[แก้]

โบ-คาทานปรากฏตัวอีกครั้งใน ซีซัน 5 ตอน "Eminence", "Shades of Reason" และ "The Lawless"[11] ในส่วนของโครงเรื่องนี้ เดธวอทช์เป็นพันธมิตรกับดาร์ธ มอลและกลุ่มอาชญากรรมอื่น ๆ (ในรูปแบบกลุ่มพันธมิตรที่เรียกว่า ชาโดว์คอลเลกทีฟ) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการปฏิบัติการโจมตีชาวแมนดาลอร์เพื่อสร้างความชอบธรรม และก่อรัฐประหารต่อดัชเชสซาทีน ครีซ ผู้ปกครองผู้รักสงบแห่งดาวแมนดาลอร์และผู้เป็นพี่สาวของโบ-คาทาน โบ-คาทานเชื่อว่าซิธไม่ได้ดีไปกว่าเจไดและไม่ไว้ใจพวกอาชญากร แต่กลับถูกเสียงข้างมากเกยทับไป เมื่อเดธวอทช์พิชิตดาวแมนดาลอร์สำเร็จ พวกเขาก็ทรยศต่อมอลแต่มอลท้าให้วิซลาดวลกันเพื่อสิทธิ์ในการปกครองดาวแมนดาลอร์ มอลเอาชนะวิซลาและสังหารเขาด้วยดาร์กเซเบอร์ของเขาเอง แต่โบ-คาทานปฏิเสธที่จะยอมรับคนนอกเป็นผู้ปกครองและหนีไปพร้อมกับสมาชิกเดธวอทช์ที่ภักดีต่อเธอ ในเวลาต่อมาพวกเธอช่วยซาทีนแต่เธอก็ถูกจับอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน โอบีวัน เคโนบีก็มาถึงดาวแมนดาลอร์เพื่อช่วยเหลือเธอเช่นกัน มอลสังหารซาทีนและจับโอบีวันเข้าคุก อย่างไรก็ตาม โบ-คาทานและกองกำลังของเธอปลดปล่อยเขาออกมา เธอช่วยเขาในการหลบหนี เพื่อที่เขาจะได้นำกองกำลังของสาธารณรัฐกาแลกติกมายังดาวแมนดาลอร์เพื่อนำมอลออกจากการปกครอง[9][11]

ซีซันเจ็ด

[แก้]

ในซีซันเจ็ดซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายนั้น โบ-คาทานและกลุ่มไนท์อาวส์ยังคงต่อสู้กับมอล ในขณะปฏิบัติภารกิจบนดาวโอบา ดีอาห์ โบ-คาทาน, เออร์ซา เวร็น และไนท์อาวอีกคนหนึ่งพบอาโซกาและติดตามเธอกลับไปที่ดาวคอรัสซัง โดยที่ครีซละทิ้งความแตกต่างของเธอและรับเธอเขากลุ่ม[9][11] อาโซกาและโบ-คาทานติดต่อโอบีวัน เคโนบีและอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ โดยขอให้สาธารณรัฐช่วยเหลือพวกเขาในการยึดดาวแมนดาลอร์กลับคืนมาจากมอล แม้ว่าเหล่าเจไดจะลังเลในตอนแรกแต่เหล่าเจไดก็ตัดสินใจส่งกองพันที่ 501 ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการเร็กซ์ เพื่อจัดการรุกรานที่กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ การล้อมแมนดาลอร์ พวกเขาประสบความสำเร็จในการโค่นล้มมอลและโบ-คาทานได้รับการประกาศให้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน[12]

Heroes of Mandalore

[แก้]

โบ-คาทานกลับมาอีกครั้งในรอบปฐมทัศน์ของซีซันสี่ของ สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ และภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง Heroes of Mandalore[11] ในระหว่างการยึดครองแมนดาลอร์ของจักรวรรดิกาแลกติก โบ-คาทานปฏิเสธที่จะรับใช้จักรวรรดิและถูกบังคับให้สละตำแหน่งโดยถูกแทนที่โดยแคลนแซกซัน เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้นำ ในตอนแรกเธอจึงปฏิเสธดาร์กเซเบอร์จาก ซาบีน เวร็น ซึ่งได้มันมาจากมอลใน "Heroes of Mandalore" โบ-คาทานและพันธมิตรชาวแมนดาลอร์ของเธอผนวกกับลูกเรือยานโกสต์ ร่วมกันทำลาย "เดอะดัชเชส" ซึ่งเป็นอาวุธที่สร้างโดยซาบีนซึ่งสามารถทำลายชุดเกราะเบสการ์ได้ ผู้ว่าราชการไทเบอร์ แซกซันจับตัวซาบีนและโบ-คาทาน โดยขู่ว่าจะฆ่าครีซหากเวร็นไม่เพิ่มการอัปเกรดอาวุธ ซาบีนจึงโปรแกรมอาวุธใหม่ เพื่อกำหนดเป้าหมายไปที่ชุดเกราะสตอร์มทรูปเปอร์แทนและสังหารแซกซัน แต่โบ-คาทานเตือนเธอไม่ให้ลงไปอยู่ระดับเดียวของพวกจักรวรรดิ ด้วยคำพูดของโบ-คาทาน ซาบีนจึงทำลายอาวุธดังกล่าวและปล่อยให้กลุ่มกบฏปลดปล่อยดาวแมนดาลอร์จากการควบคุมของจักรวรรดิ ในที่สุดโบ-คาทานก็ยอมรับดาร์กเซเบอร์จากซาบีนและกลายเป็นผู้ปกครองแห่งดาวแมนดาลอร์อีกครั้ง ในขณะที่ชาวแมนดาลอร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อเธอ[13][14][15]

เดอะแมนดาลอเรียน

[แก้]

ซีซันสอง

[แก้]

แซ็คฮอฟฟ์กลับมารับบทของเธออีกครั้งในซีซันสองของ เดอะแมนดาลอเรียน โดยปรากฏใน "Chapter 11: The Heiress" โดยเป็นการปรากฏตัวในรูปแบบคนแสดงเป็นครั้งแรกของตัวละคร[16] เคทลีน เดเชลล์ และเคทลีน ฮัดสัน รับบทเป็นสตันท์ของเธอ[17][18] ในซีซันสามของ เดอะแมนดาลอเรียน แซ็คฮอฟฟ์ได้รับเครดิตในฐานะนักแสดงหลักร่วมกับเปโดร ปัสคัล (ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นนักแสดงเพียงคนเดียวที่ได้รับเครดิตให้เป็นนักแสดงหลักในเรื่อง)

ใน "Chapter 11" โบ-คาทาน, คอสกา รีฟส์ และแอกซ์ วูฟส์ ช่วย ดิน จาริน "เดอะแมนดาลอเรียน" และเด็กทารกจากกลุ่มของควอร์เร็น พวกเขาถอดหมวกออกและโบ-คาทานก็อธิบายประวัติของเธอ พร้อมทั้งเปิดเผยต่อเดอะแมนดาลอเรียนว่านิกายของเขาหรือ Children of the Watch ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติตามกฎโบราณอันเข้มงวดที่เรียกว่า "วิถี" ไม่ใช่เพียงกลุ่มเดียวของชาวแมนดาลอร์ โดยชาวแมนดาลอร์หลาย ๆ คนนั้นไม่ปฏิบัติตาม "วิถี" ด้วยเหตุนี้เดอะแมนดาลอเรียนจึงไม่ไว้วางใจโบ-คาทานและปฏิเสธความช่วยเหลือจากพวกเขา หลังจากที่พวกเขาช่วยเขาเป็นครั้งที่สอง เขาก็ตกลงที่จะช่วยพวกเขายึดอาวุธจากยานบรรทุกสินค้าของจักรวรรดิ และโบ-คาทานก็ตกลงที่จะบอกเดอะแมนดาโลเรียนว่าเขาจะหาเจไดได้ที่ไหน ในระหว่างการจู่โจม โบ-คาทานสอบปากคำกัปตันโดยต้องการทราบที่อยู่ของมอฟฟ์กิเดียนและว่าเขามีดาร์กเซเบอร์หรือไม่ หลังจากนั้นเธอเสนอโอกาสให้เดอะแมนดาลอเรียนเข้าร่วมกับพวกเขา เขาเลือกที่จะทำภารกิจต่อไปแม้ว่าพวกเขาจะแตกต่างกันก็ตาม โบ-คาทานบอกเขาว่าเขาจะได้พบกับอาโซกา ทาโน ในเมืองคาโลดานบนดาวคอร์วัส

ใน "Chapter 16: The Rescue" เดอะแมนดาลอเรียน และโบบา เฟทท์ เข้าหาโบ-คาทานและคอสกาที่ร้านอาหารเพื่อรับสมัครพวกเขาในภารกิจช่วยเหลือโกรกู (เด็กทารก) จากมอฟฟ์กิเดียน ในตอนแรกโบ-คาทานทำท่าทีดุร้ายกับโบบาและเรียกเขาว่าเป็นความอับอายต่อชุดเกราะแมนดาลอร์ของเขา เนื่องจากเขาเป็นร่างโคลน อย่างไรก็ตาม เธอยุติข้อขัดแย้งระหว่างโบบาและคอสกา และตกลงที่จะช่วยเดอะแมนดาลอเรียนโดยมีเงื่อนไขว่าเธอจะต้องได้ยานลาดตระเวนของกิเดียนและดาร์กเซเบอร์จากเขาไป และเดอะแมนดาลอเรียนก็ติดสินใจที่จะช่วยเหลือเธอในการปลดปล่อยดาวแมนดาลอร์ เดอะแมนดาลอเรียนสามารถเอาชนะกิเดียนในการต่อสู้ ซึ่งทำลายแผนการของเธอที่จะเอาดาร์กเซเบอร์กลับคืนมาในการต่อสู้ด้วยตัวเธอเอง เขาพยายามที่จะมอบอาวุธให้กับเธอแต่กิเดียนบอกว่ามันจะต้องได้มาจากการชนะในการต่อสู้ โบ-คาทานไม่ยอมรับดาร์กเซเบอร์ไปจากเดอะแมนดาลอเรียน[19][20]

ซีซันสาม

[แก้]

ใน "Chapter 17: The Apostate" เดอะแมนดาลอเรียนและโกรกูไปเยี่ยมโบ-คาทานที่ปราสาทของเธอบนดาวคาเลวาลา หลังจากที่เธอล้มเหลวในการชนะและเอาดาร์กเซเบอร์มา เธอจึงละทิ้งแผนการยึดดาวแมนดาลอร์คืนและกองกำลังของเธอก็ได้หายไปหมดแล้ว เดอะแมนดาลอเรียนแสวงหาการไถ่บาปด้วยการอาบในน้ำแห่งชีวิตในเหมืองบนดาวแมนดาลอร์ โดยเธอก็บอกเขาว่าให้ไปที่ไหนอย่างไม่เต็มใจ ใน "Chapter 18: The Mines of Mandalore" หลังจากที่เดอะแมนดาลอเรียนติดกับดัก โกรกูโน้มน้าวให้โบ-คาทานเดินทางไปยังดาวแมนดาลอร์และช่วยเหลือเขา แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อในตำนานเกี่ยวกับน้ำแห่งชีวิตและต้องการที่จะออกจากดาวเคราะห์ที่ถูกทำลาย เธอตกลงที่จะเดินทางต่อและนำพวกเขาไปยังเหมืองด้วยตัวเอง ขณะที่อาบน้ำอยู่ในน้ำแห่งชีวิตเดอะแมนดาลอเรียนก็ถูกลากลงไปใต้น้ำและในขณะที่ช่วยเขา โบ-คาทานก็ได้พบกับมิโธซอร์ที่มีชีวิตซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณในตำนานของชาวแมนดาลอร์ที่ถูกคิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว ใน "Chapter 19: The Convert" เมื่อกลับมาที่ดาวคาเลวาลา พวกเขาถูกโจมตีโดยยานของจักรวรรดิ และยานทิ้งระเบิดก็ทำลายปราสาทของเธอ เดอะแมนดาลอเรียนพาเธอไปยังฐานลับที่ซ่อนอยู่ ช่างตีเกราะได้ประกาศว่าเดอะแมนดาลอเรียนได้รับการไถ่บาปแล้ว และเพราะว่าโบ-คาทานได้อาบน้ำแห่งชีวิตและไม่ได้ถอดหมวกของเธอออกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็ได้รับการยอมรับเข้านิกายเช่นกัน ใน "Chapter 20: The Foundling" โบ-คาทานเป็นผู้นำทีมช่วยเหลือเมื่อ แร็กนาร์ วิซลา ซึ่งเป็นเด็กของนิกายนี้ ถูกลักพาตัวโดยนกนักล่ามีปีกตัวใหญ่ โบ-คาทานช่วยแร็กนาร์ได้สำเร็จและนำลูกของนกนักล่านั้นกลับไปที่กลุ่ม ทำให้เธอได้รับความเคารพจากชนเผ่า เมื่อช่างตีเกราะตีชุดเกร่าส่วนไหล่ชิ้นใหม่ให้กับโบ-คาทาน โบ-คาทานก็เปิดเผยถึงการมีอยู่ของมิโธซอร์ที่เธอเห็นบนดาว์แมนดาลอร์แต่ช่างตีเกราะกลับเพิกเฉย

หลังจากเหตุการณ์ใน "Chapter 21: The Pirate" ช่างตีเกราะเรียกโบ-คาทานและสั่งให้เธอถอดหมวกออก ช่างตีเกราะเชื่อว่าโบ-คาทานสามารถเดินได้ในทั้งนิกายและสามารถรวมชาวแมนดาลอร์ทั้งหมดเข้าด้วยกันอีกครั้ง ใน "Chapter 22: Guns for Hire" โบ-คาทานกลับมารวมตัวกับอดีตกลุ่มชาวแมนดาลอร์ของเธออีกครั้งและท้าทาย แอกซ์ วูฟส์ ให้ต่อสู้กับเธอ หลังจากบังคับให้วูฟส์ยอมจำนน เขาอ้างว่าพวกเขาไม่สามารถติดตามเธอได้เนื่องจากเธอไม่ได้ถือดาร์กเซเบอร์ จากนั้นเดอะแมนดาลอเรียน ดิน จาริน ก็เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน "Chapter 18: The Mines of Mandalore" ที่เขาถูกจับและปราศจากดาร์กเซเบอร์ และโบ-คาทานได้สังหารผู้ที่จับกุมเขาโดยใช้ดาบนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถือว่าเธอเป็นผู้ปกครองโดยชอบธรรมด้วยกฎแห่งการต่อสู้และคืนดาร์กเซเบอร์ให้กับเธอ พวกเขากลับไปที่ดาวเนวาร์โรเพื่อรวมกลุ่มชาวแมนดาลอร์ทั้งสองเข้าด้วยกัน และใน "Chapter 23: The Spies" พวกเขาเดินทางไปเพื่อทวงคืนดาวบ้านเกิดแห่งแมนดาลอร์กลับคืนมา กลุ่มที่รวมกันแล้วนั้นร่วมกันค้นหาสถานที่ใต้ดินที่เรียกว่า เตาหลอมที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับค้นพบฐานที่ซ่อนอยู่ของมอฟฟ์กิเดียน กิเดียนสวมชุดเกราะดาร์กทรูปเปอร์ที่ได้รับการปรับปรุง ส่วนสตอร์มทรูปเปอร์ของเขาสวมชุดเกราะเบสการ์และเจ็ตแพก พวกเขาติดกับดักและเดอะแมนดาลอเรียนถูกจับ ส่วนที่เหลือนั้นเกือบจะหนีไม่พ้น

ใน "Chapter 24: The Return" โบ-คาทานนำชาวแมนดาลอร์ต่อกรกับกองกำลังของมอฟฟ์กิเดียน แต่ด้วยชุดเกราะใหม่ของเขา เขาจึงได้เปรียบกว่าและทำลายดาร์กเซเบอร์ หลังจากปลดปล่อยตัวเองได้แล้ว เดอะแมนดาลอเรียนและโกรกูก็กลับมาช่วยเธอต่อสู้ต่อ ในขณะเดียวกัน แอกซ์ วูฟส์นำยานอวกาศเข้าชนฐานและเกิดการระเบิดขนาดยักษ์ที่คร่าชีวิตกิเดียน ในขณะที่โกรกูใช้พลังเพื่อปกป้องตัวเอง, เดอะแมนดาลอเรียนและโบ-คาทาน สุดท้ายนั้นทั้งสามคนรอดชีวิตได้ ต่อมาช่างตีเกราะเปิดเตาหลอมที่ยิ่งใหญ่แห่งแมนดาลอร์อีกครั้งและโบ-คาทานได้รับการประกาศให้เป็นผู้นำของชาวแมนดาลอร์ทั้งหมด

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Death Watch". StarWars.com. June 16, 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2016. สืบค้นเมื่อ December 2, 2016.
  2. ""A Friend in Need" Trivia Gallery". StarWars.com. June 16, 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 15, 2020. สืบค้นเมื่อ December 2, 2016.
  3. "Bo-Katan Lives! Katee Sackhoff on the Live-Action Debut of Her Mandalorian Warrior". StarWars.com. November 18, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 5, 2021. สืบค้นเมื่อ April 30, 2021.
  4. Barnhardt, Adam (November 17, 2020). "Star Wars: The Mandalorian Costume Designer Shares BTS Look at New Mandalorian Uniforms". Comicbook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2020. สืบค้นเมื่อ March 24, 2021.
  5. Brown, Tracy (November 27, 2020). "Q&A: 'The Mandalorian's' Katee Sackhoff has questions about Bo-Katan too". Los Angeles Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 14, 2021. สืบค้นเมื่อ April 20, 2021.
  6. Eric Goldman (January 19, 2012). "Star Wars: The Clone Wars - "A Friend in Need" Review". IGN.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 4, 2021. สืบค้นเมื่อ January 7, 2021.
  7. Cameron K McEwan (January 20, 2012). "The Clone Wars season 4 episode 14 review: A Friend In Need". Den of Geek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 4, 2021. สืบค้นเมื่อ March 16, 2021.
  8. Stevenson, Rick (November 18, 2020). "The Mandalorian Death Watch & Bo-Katan's Nite Owls Explained". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 18, 2020. สืบค้นเมื่อ November 18, 2020.
  9. 9.0 9.1 9.2 Vita, Irvin (April 20, 2020). "The Clone Wars: Why Did Bo-Katan Recruit Ahsoka?". CBR. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 5, 2020.
  10. Miller, David (January 23, 2021). "Why Bo-Katan Was A Villain In Clone Wars (& Hero In Star Wars Rebels)". ScreenRant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2021.
  11. 11.0 11.1 11.2 11.3 Joshua Yehl (November 14, 2020). "The Mandalorian: Bo-Katan's Best Clone Wars and Rebels Episodes - IGN". IGN.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 4, 2021. สืบค้นเมื่อ March 16, 2021.
  12. Stevenson, Rick (November 18, 2020). "The Mandalorian Death Watch & Bo-Katan's Nite Owls Explained". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 18, 2020. สืบค้นเมื่อ November 18, 2020.
  13. Miller, David (January 23, 2021). "Why Bo-Katan Was A Villain In Clone Wars (& Hero In Star Wars Rebels)". ScreenRant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2021.
  14. Hurley, Laura (October 16, 2017). "Did Star Wars Rebels Just Reveal Why No Mandalorians Are In The Original Trilogy?". CINEMABLEND. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 17, 2017.
  15. Moran, Sarah (October 17, 2017). "Star Wars Rebels: Why Bo-Katan is Mandalore's Rightful Leader". ScreenRant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 18, 2017.
  16. Sciretta, Peter (May 12, 2020). "Exclusive: 'The Mandalorian' Season 2 Recruits Katee Sackhoff to Play Bo-Katan in Live-Action". SlashFilm. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 12, 2020. สืบค้นเมื่อ May 12, 2020.
  17. Ethan Anderton (November 25, 2020). "Katee Sackhoff on the Thrill and Challenges of Returning to 'Star Wars' as Bo-Katan in 'The Mandalorian' [Interview]". SlashFilm. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 23, 2021. สืบค้นเมื่อ December 31, 2020.
  18. Flint, Hanna (December 21, 2020). "The Women of 'The Mandalorian' Season 2 Were the Real Stars of the Show". ELLE. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 4, 2021. สืบค้นเมื่อ December 30, 2020.
  19. Allen, Nick (December 18, 2020). "The Mandalorian Chapter 16 Recap: May the Force Be With You". RogerEbert.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 16, 2021. สืบค้นเมื่อ January 12, 2021. aware that the dark saber can't be given, it must be won.
  20. Miller, David (December 23, 2020). "Why All Mandalorians Hate Jango Fett Clones". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 4, 2021. สืบค้นเมื่อ July 30, 2021.

ดูเพิ่ม

[แก้]