โบ-คาทาน ครีซ | |
---|---|
ตัวละครใน สตาร์ วอร์ส | |
ปรากฏครั้งแรก |
|
สร้างโดย | เดฟ ฟิโลนี |
ออกแบบโดย | ดาร์เรน มาร์แชล |
ให้เสียงโดย | เคที แซ็คฮอฟฟ์ |
แสดงโดย | เคที แซ็คฮอฟฟ์ |
ข้อมูลตัวละครในเรื่อง | |
เพศ | หญิง |
ตำแหน่ง | คุณหญิง |
อาชีพ |
|
สังกัด |
|
อาวุธ | ดาร์กเซเบอร์ |
ครอบครัว | อโดนาย ครีซ (พ่อ) ซาทีน ครีซ (พี่สาว) คอร์กี ครีซ (หลานชาย) |
ดาวบ้านเกิด | แมนดาลอร์ |
โบ-คาทาน ครีซ (อังกฤษ: Bo-Katan Kryze) เป็นตัวละครสมมติในแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส เธอได้รับการแนะนำตัวในแอนิเมชันชุดทางโทรทัศน์ สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส พากย์เสียงโดย เคที แซ็คฮอฟฟ์ ในเวลาต่อมาแซ็คฮอฟฟ์กลับมารับบทบาทในแอนิเมชันภาคต่อเรื่อง สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ และได้มีการเปิดตัวตัวละครฉบับคนแสดงในซีซัน 2 ของละครชุดของดิสนีย์+ เดอะแมนดาลอเรียน
ใน เดอะ โคลน วอร์ส โบ-คาทานเป็นสมาชิกของกลุ่มเดธวอทช์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายของชาวแมนดาลอร์ ที่ต้องการฟื้นฟูวิถีนักรบโบราณของดาวแมนดาลอร์ นอกจากนี้เธอยังเป็นน้องสาวของดัชเชสซาทีน ครีซ ผู้ปกครองซึ่งรักสงบแห่งดาวแมนดาลอร์ ซึ่งพวกเธอต้องเหินห่างจากกันเนื่องจากความเห็นต่างทางการเมือง ต่อมาเธอเป็นพันธมิตรกับอดีตเจได อาโซกา ทาโน และสาธารณรัฐกาแลกติกในการปลดปล่อยดาวแมนดาลอร์จากการปกครองของดาร์ธ มอล ใน เรเบลส์ นั้น โบ-คาทานได้รับการประกาศให้เป็นผู้ปกครองคนใหม่ของดาวแมนดาลอร์ ใน เดอะแมนดาลอเรียน หลังจากการกวาดล้างครั้งใหญ่ของแมนดาลอร์ เธอพยายามที่จะกู้ดาร์กเซเบอร์คืนจากมอฟฟ์กิเดียนและยึดดาวบ้านเกิดของเธอกลับคืนมา
เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2012 โบ-คาทาน ครีซ ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกใน สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส ซีซันสี่ ตอน "A Friend in Need" พากย์เสียงโดยเคที แซ็คฮอฟฟ์ แม้ว่าเดิมทีตัวละครนี้จะไม่รวมอยู่ในบทสำหรับตอนนี้ แต่ผู้กำกับเดฟ ฟิโลนีได้เพิ่มตัวละครนี้เข้าไปเพื่อจัดเตรียมบทบาทของเธอที่ใหญ่ขึ้นในซีซันห้าของแอนิเมชันชุดนี้ โดยเนื่องจากการยกเลิกในตอนแรกของแอนิเมชันชุดและการต่ออายุแอนิเมชันชุดในหลายปีต่อมานั้น โบ-คาทานจะไม่กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งใน เดอะ โคลน วอร์ส จนกระทั่งซีซันเจ็ด ซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายของแอนิเมชันชุดนี้ในปี ค.ศ. 2020 ในช่วงที่เว้นไประหว่างซีซันหกและเจ็ดของ เดอะ โคลน วอร์ส โบ-คาทานปรากฏตัวในหลายตอนของ สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ ซึ่งตอนเหล่านั้นดำเนินเรื่องสิบห้าปีหลังจากเหตุการณ์ใน เดอะ โคลน วอร์ส
ชื่อของ โบ-คาน เป็นการเล่นคำจากคำว่า "บูกี-แคท-แอนน์" ที่ออกเสียงพร้อมกัน โดยหมายถึงชื่อแมวของภรรยาของฟิโลนีชื่อแอนน์[2] โบ-คาทานเป็นนักรบที่แก่นของเธอและทิ้งการเมืองที่เกี่ยวกับความเป็นผู้นำไว้ให้กับนักการทูตอย่างเช่นพี่สาวของเธอ ดัชเชสซาทีน ครีซ เธอมีข้อผิดพลาดและสำนึกถึงความสำคัญของตนเอง แต่เธอก็เข้าใจวัฒนธรรมนักรบชาวแมนดาลอร์ และเมื่อเวลาผ่านไปก็เติบโตขึ้นสู่บทบาทของเธอในฐานะผู้นำ[3]
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 แซ็คฮอฟฟ์ยืนยันว่าเธอจะรับบทเป็นโบ-คาทานในละครชุดคนแสดงในซีซันสองที่กำลังจะมาถึงของ เดอะแมนดาลอเรียน โดยปรากฏตัวในตอน "Chapter 11: The Heiress" ซึ่งฉายเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ชอว์นา ทริปสิก มอบหมายให้ประติมากร โฮเซ เฟอร์นันเดส และไอรอนเฮดสตูดิโอส์ของเขาสร้างชุดเกราะแมนดาลอเรียนให้กับโบ-คาทาน[4] แซ็คฮอฟฟ์หวังว่าจะได้เล่นตัวละครนี้ในรูปแบบคนแสดงแต่คาดว่าพวกเขาคงจะคัดเลือกนักแสดงใหม่ที่มีชื่อเสียงมากกว่าเช่น สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน แต่ในท้ายที่สุดนั้นเมื่อเธอได้สวมชุดเกราะเป็นครั้งแรก เธอก็รู้สึกท่วมท้นและร้องไห้ด้วยความดีใจ[5]
โบ-คาทาน ครีซ (ให้เสียงโดย เคที แซ็คฮอฟฟ์) ปรากฏตัวครั้งแรกในซีซันสี่ของ สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส ในตอน "A Friend in Need" ในฐานะผู้หมวดแห่งเดธวอทช์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลที่รักสงบของดาวแมนดาลอร์ภายใต้การนำของพรี วิซลา (พากย์เสียงโดย จอน แฟฟโรว์)[6][7] เธอเป็นผู้นำกลุ่มไนท์อาวส์ซึ่งเป็นหน่วยชั้นยอดในเดธวอทช์[8] ในตอนนี้ ลักซ์ บอนเทรีได้พบกับเดธวอทช์บนดาวคาร์แลกเพื่อผนึกกำลังเพื่อต่อสู้กับเคานต์ดูกู โดยอาโซกา ทาโนและอาร์ทูดีทูถูกบังคับให้ติดตามเขาไป พวกเขาพบกับโบ-คาทานซึ่งสั่งให้อาโซกาทำงานร่วมกับผู้หญิงจากหมู่บ้านท้องถิ่นที่ถูกทำให้เป็นทาสโดยเดธวอทช์ ในเวลาต่อมา โบ-คาทานและเดธวอทช์เผาหมู่บ้านและสังหารชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ อาโซกาเปิดเผยตัวเองว่าเป็นเจไดและต่อสู้กับเดธวอทช์ก่อนที่จะถูกจับเข้าคุก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกปล่อยตัว ในขณะที่อาโซกา, อาร์ทูดีทู และลักซ์หลบหนีไปยังยานของพวกเขา โบ-คาทานก็ไล่ตามพวกเขาและพยายามฆ่าอาโซกาแต่ก็พ่ายแพ้ไป[9][10]
โบ-คาทานปรากฏตัวอีกครั้งใน ซีซัน 5 ตอน "Eminence", "Shades of Reason" และ "The Lawless"[11] ในส่วนของโครงเรื่องนี้ เดธวอทช์เป็นพันธมิตรกับดาร์ธ มอลและกลุ่มอาชญากรรมอื่น ๆ (ในรูปแบบกลุ่มพันธมิตรที่เรียกว่า ชาโดว์คอลเลกทีฟ) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการปฏิบัติการโจมตีชาวแมนดาลอร์เพื่อสร้างความชอบธรรม และก่อรัฐประหารต่อดัชเชสซาทีน ครีซ ผู้ปกครองผู้รักสงบแห่งดาวแมนดาลอร์และผู้เป็นพี่สาวของโบ-คาทาน โบ-คาทานเชื่อว่าซิธไม่ได้ดีไปกว่าเจไดและไม่ไว้ใจพวกอาชญากร แต่กลับถูกเสียงข้างมากเกยทับไป เมื่อเดธวอทช์พิชิตดาวแมนดาลอร์สำเร็จ พวกเขาก็ทรยศต่อมอลแต่มอลท้าให้วิซลาดวลกันเพื่อสิทธิ์ในการปกครองดาวแมนดาลอร์ มอลเอาชนะวิซลาและสังหารเขาด้วยดาร์กเซเบอร์ของเขาเอง แต่โบ-คาทานปฏิเสธที่จะยอมรับคนนอกเป็นผู้ปกครองและหนีไปพร้อมกับสมาชิกเดธวอทช์ที่ภักดีต่อเธอ ในเวลาต่อมาพวกเธอช่วยซาทีนแต่เธอก็ถูกจับอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน โอบีวัน เคโนบีก็มาถึงดาวแมนดาลอร์เพื่อช่วยเหลือเธอเช่นกัน มอลสังหารซาทีนและจับโอบีวันเข้าคุก อย่างไรก็ตาม โบ-คาทานและกองกำลังของเธอปลดปล่อยเขาออกมา เธอช่วยเขาในการหลบหนี เพื่อที่เขาจะได้นำกองกำลังของสาธารณรัฐกาแลกติกมายังดาวแมนดาลอร์เพื่อนำมอลออกจากการปกครอง[9][11]
ในซีซันเจ็ดซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายนั้น โบ-คาทานและกลุ่มไนท์อาวส์ยังคงต่อสู้กับมอล ในขณะปฏิบัติภารกิจบนดาวโอบา ดีอาห์ โบ-คาทาน, เออร์ซา เวร็น และไนท์อาวอีกคนหนึ่งพบอาโซกาและติดตามเธอกลับไปที่ดาวคอรัสซัง โดยที่ครีซละทิ้งความแตกต่างของเธอและรับเธอเขากลุ่ม[9][11] อาโซกาและโบ-คาทานติดต่อโอบีวัน เคโนบีและอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ โดยขอให้สาธารณรัฐช่วยเหลือพวกเขาในการยึดดาวแมนดาลอร์กลับคืนมาจากมอล แม้ว่าเหล่าเจไดจะลังเลในตอนแรกแต่เหล่าเจไดก็ตัดสินใจส่งกองพันที่ 501 ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการเร็กซ์ เพื่อจัดการรุกรานที่กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ การล้อมแมนดาลอร์ พวกเขาประสบความสำเร็จในการโค่นล้มมอลและโบ-คาทานได้รับการประกาศให้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน[12]
โบ-คาทานกลับมาอีกครั้งในรอบปฐมทัศน์ของซีซันสี่ของ สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ และภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง Heroes of Mandalore[11] ในระหว่างการยึดครองแมนดาลอร์ของจักรวรรดิกาแลกติก โบ-คาทานปฏิเสธที่จะรับใช้จักรวรรดิและถูกบังคับให้สละตำแหน่งโดยถูกแทนที่โดยแคลนแซกซัน เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้นำ ในตอนแรกเธอจึงปฏิเสธดาร์กเซเบอร์จาก ซาบีน เวร็น ซึ่งได้มันมาจากมอลใน "Heroes of Mandalore" โบ-คาทานและพันธมิตรชาวแมนดาลอร์ของเธอผนวกกับลูกเรือยานโกสต์ ร่วมกันทำลาย "เดอะดัชเชส" ซึ่งเป็นอาวุธที่สร้างโดยซาบีนซึ่งสามารถทำลายชุดเกราะเบสการ์ได้ ผู้ว่าราชการไทเบอร์ แซกซันจับตัวซาบีนและโบ-คาทาน โดยขู่ว่าจะฆ่าครีซหากเวร็นไม่เพิ่มการอัปเกรดอาวุธ ซาบีนจึงโปรแกรมอาวุธใหม่ เพื่อกำหนดเป้าหมายไปที่ชุดเกราะสตอร์มทรูปเปอร์แทนและสังหารแซกซัน แต่โบ-คาทานเตือนเธอไม่ให้ลงไปอยู่ระดับเดียวของพวกจักรวรรดิ ด้วยคำพูดของโบ-คาทาน ซาบีนจึงทำลายอาวุธดังกล่าวและปล่อยให้กลุ่มกบฏปลดปล่อยดาวแมนดาลอร์จากการควบคุมของจักรวรรดิ ในที่สุดโบ-คาทานก็ยอมรับดาร์กเซเบอร์จากซาบีนและกลายเป็นผู้ปกครองแห่งดาวแมนดาลอร์อีกครั้ง ในขณะที่ชาวแมนดาลอร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อเธอ[13][14][15]
แซ็คฮอฟฟ์กลับมารับบทของเธออีกครั้งในซีซันสองของ เดอะแมนดาลอเรียน โดยปรากฏใน "Chapter 11: The Heiress" โดยเป็นการปรากฏตัวในรูปแบบคนแสดงเป็นครั้งแรกของตัวละคร[16] เคทลีน เดเชลล์ และเคทลีน ฮัดสัน รับบทเป็นสตันท์ของเธอ[17][18] ในซีซันสามของ เดอะแมนดาลอเรียน แซ็คฮอฟฟ์ได้รับเครดิตในฐานะนักแสดงหลักร่วมกับเปโดร ปัสคัล (ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นนักแสดงเพียงคนเดียวที่ได้รับเครดิตให้เป็นนักแสดงหลักในเรื่อง)
ใน "Chapter 11" โบ-คาทาน, คอสกา รีฟส์ และแอกซ์ วูฟส์ ช่วย ดิน จาริน "เดอะแมนดาลอเรียน" และเด็กทารกจากกลุ่มของควอร์เร็น พวกเขาถอดหมวกออกและโบ-คาทานก็อธิบายประวัติของเธอ พร้อมทั้งเปิดเผยต่อเดอะแมนดาลอเรียนว่านิกายของเขาหรือ Children of the Watch ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติตามกฎโบราณอันเข้มงวดที่เรียกว่า "วิถี" ไม่ใช่เพียงกลุ่มเดียวของชาวแมนดาลอร์ โดยชาวแมนดาลอร์หลาย ๆ คนนั้นไม่ปฏิบัติตาม "วิถี" ด้วยเหตุนี้เดอะแมนดาลอเรียนจึงไม่ไว้วางใจโบ-คาทานและปฏิเสธความช่วยเหลือจากพวกเขา หลังจากที่พวกเขาช่วยเขาเป็นครั้งที่สอง เขาก็ตกลงที่จะช่วยพวกเขายึดอาวุธจากยานบรรทุกสินค้าของจักรวรรดิ และโบ-คาทานก็ตกลงที่จะบอกเดอะแมนดาโลเรียนว่าเขาจะหาเจไดได้ที่ไหน ในระหว่างการจู่โจม โบ-คาทานสอบปากคำกัปตันโดยต้องการทราบที่อยู่ของมอฟฟ์กิเดียนและว่าเขามีดาร์กเซเบอร์หรือไม่ หลังจากนั้นเธอเสนอโอกาสให้เดอะแมนดาลอเรียนเข้าร่วมกับพวกเขา เขาเลือกที่จะทำภารกิจต่อไปแม้ว่าพวกเขาจะแตกต่างกันก็ตาม โบ-คาทานบอกเขาว่าเขาจะได้พบกับอาโซกา ทาโน ในเมืองคาโลดานบนดาวคอร์วัส
ใน "Chapter 16: The Rescue" เดอะแมนดาลอเรียน และโบบา เฟทท์ เข้าหาโบ-คาทานและคอสกาที่ร้านอาหารเพื่อรับสมัครพวกเขาในภารกิจช่วยเหลือโกรกู (เด็กทารก) จากมอฟฟ์กิเดียน ในตอนแรกโบ-คาทานทำท่าทีดุร้ายกับโบบาและเรียกเขาว่าเป็นความอับอายต่อชุดเกราะแมนดาลอร์ของเขา เนื่องจากเขาเป็นร่างโคลน อย่างไรก็ตาม เธอยุติข้อขัดแย้งระหว่างโบบาและคอสกา และตกลงที่จะช่วยเดอะแมนดาลอเรียนโดยมีเงื่อนไขว่าเธอจะต้องได้ยานลาดตระเวนของกิเดียนและดาร์กเซเบอร์จากเขาไป และเดอะแมนดาลอเรียนก็ติดสินใจที่จะช่วยเหลือเธอในการปลดปล่อยดาวแมนดาลอร์ เดอะแมนดาลอเรียนสามารถเอาชนะกิเดียนในการต่อสู้ ซึ่งทำลายแผนการของเธอที่จะเอาดาร์กเซเบอร์กลับคืนมาในการต่อสู้ด้วยตัวเธอเอง เขาพยายามที่จะมอบอาวุธให้กับเธอแต่กิเดียนบอกว่ามันจะต้องได้มาจากการชนะในการต่อสู้ โบ-คาทานไม่ยอมรับดาร์กเซเบอร์ไปจากเดอะแมนดาลอเรียน[19][20]
ใน "Chapter 17: The Apostate" เดอะแมนดาลอเรียนและโกรกูไปเยี่ยมโบ-คาทานที่ปราสาทของเธอบนดาวคาเลวาลา หลังจากที่เธอล้มเหลวในการชนะและเอาดาร์กเซเบอร์มา เธอจึงละทิ้งแผนการยึดดาวแมนดาลอร์คืนและกองกำลังของเธอก็ได้หายไปหมดแล้ว เดอะแมนดาลอเรียนแสวงหาการไถ่บาปด้วยการอาบในน้ำแห่งชีวิตในเหมืองบนดาวแมนดาลอร์ โดยเธอก็บอกเขาว่าให้ไปที่ไหนอย่างไม่เต็มใจ ใน "Chapter 18: The Mines of Mandalore" หลังจากที่เดอะแมนดาลอเรียนติดกับดัก โกรกูโน้มน้าวให้โบ-คาทานเดินทางไปยังดาวแมนดาลอร์และช่วยเหลือเขา แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อในตำนานเกี่ยวกับน้ำแห่งชีวิตและต้องการที่จะออกจากดาวเคราะห์ที่ถูกทำลาย เธอตกลงที่จะเดินทางต่อและนำพวกเขาไปยังเหมืองด้วยตัวเอง ขณะที่อาบน้ำอยู่ในน้ำแห่งชีวิตเดอะแมนดาลอเรียนก็ถูกลากลงไปใต้น้ำและในขณะที่ช่วยเขา โบ-คาทานก็ได้พบกับมิโธซอร์ที่มีชีวิตซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณในตำนานของชาวแมนดาลอร์ที่ถูกคิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว ใน "Chapter 19: The Convert" เมื่อกลับมาที่ดาวคาเลวาลา พวกเขาถูกโจมตีโดยยานของจักรวรรดิ และยานทิ้งระเบิดก็ทำลายปราสาทของเธอ เดอะแมนดาลอเรียนพาเธอไปยังฐานลับที่ซ่อนอยู่ ช่างตีเกราะได้ประกาศว่าเดอะแมนดาลอเรียนได้รับการไถ่บาปแล้ว และเพราะว่าโบ-คาทานได้อาบน้ำแห่งชีวิตและไม่ได้ถอดหมวกของเธอออกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็ได้รับการยอมรับเข้านิกายเช่นกัน ใน "Chapter 20: The Foundling" โบ-คาทานเป็นผู้นำทีมช่วยเหลือเมื่อ แร็กนาร์ วิซลา ซึ่งเป็นเด็กของนิกายนี้ ถูกลักพาตัวโดยนกนักล่ามีปีกตัวใหญ่ โบ-คาทานช่วยแร็กนาร์ได้สำเร็จและนำลูกของนกนักล่านั้นกลับไปที่กลุ่ม ทำให้เธอได้รับความเคารพจากชนเผ่า เมื่อช่างตีเกราะตีชุดเกร่าส่วนไหล่ชิ้นใหม่ให้กับโบ-คาทาน โบ-คาทานก็เปิดเผยถึงการมีอยู่ของมิโธซอร์ที่เธอเห็นบนดาว์แมนดาลอร์แต่ช่างตีเกราะกลับเพิกเฉย
หลังจากเหตุการณ์ใน "Chapter 21: The Pirate" ช่างตีเกราะเรียกโบ-คาทานและสั่งให้เธอถอดหมวกออก ช่างตีเกราะเชื่อว่าโบ-คาทานสามารถเดินได้ในทั้งนิกายและสามารถรวมชาวแมนดาลอร์ทั้งหมดเข้าด้วยกันอีกครั้ง ใน "Chapter 22: Guns for Hire" โบ-คาทานกลับมารวมตัวกับอดีตกลุ่มชาวแมนดาลอร์ของเธออีกครั้งและท้าทาย แอกซ์ วูฟส์ ให้ต่อสู้กับเธอ หลังจากบังคับให้วูฟส์ยอมจำนน เขาอ้างว่าพวกเขาไม่สามารถติดตามเธอได้เนื่องจากเธอไม่ได้ถือดาร์กเซเบอร์ จากนั้นเดอะแมนดาลอเรียน ดิน จาริน ก็เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน "Chapter 18: The Mines of Mandalore" ที่เขาถูกจับและปราศจากดาร์กเซเบอร์ และโบ-คาทานได้สังหารผู้ที่จับกุมเขาโดยใช้ดาบนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถือว่าเธอเป็นผู้ปกครองโดยชอบธรรมด้วยกฎแห่งการต่อสู้และคืนดาร์กเซเบอร์ให้กับเธอ พวกเขากลับไปที่ดาวเนวาร์โรเพื่อรวมกลุ่มชาวแมนดาลอร์ทั้งสองเข้าด้วยกัน และใน "Chapter 23: The Spies" พวกเขาเดินทางไปเพื่อทวงคืนดาวบ้านเกิดแห่งแมนดาลอร์กลับคืนมา กลุ่มที่รวมกันแล้วนั้นร่วมกันค้นหาสถานที่ใต้ดินที่เรียกว่า เตาหลอมที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับค้นพบฐานที่ซ่อนอยู่ของมอฟฟ์กิเดียน กิเดียนสวมชุดเกราะดาร์กทรูปเปอร์ที่ได้รับการปรับปรุง ส่วนสตอร์มทรูปเปอร์ของเขาสวมชุดเกราะเบสการ์และเจ็ตแพก พวกเขาติดกับดักและเดอะแมนดาลอเรียนถูกจับ ส่วนที่เหลือนั้นเกือบจะหนีไม่พ้น
ใน "Chapter 24: The Return" โบ-คาทานนำชาวแมนดาลอร์ต่อกรกับกองกำลังของมอฟฟ์กิเดียน แต่ด้วยชุดเกราะใหม่ของเขา เขาจึงได้เปรียบกว่าและทำลายดาร์กเซเบอร์ หลังจากปลดปล่อยตัวเองได้แล้ว เดอะแมนดาลอเรียนและโกรกูก็กลับมาช่วยเธอต่อสู้ต่อ ในขณะเดียวกัน แอกซ์ วูฟส์นำยานอวกาศเข้าชนฐานและเกิดการระเบิดขนาดยักษ์ที่คร่าชีวิตกิเดียน ในขณะที่โกรกูใช้พลังเพื่อปกป้องตัวเอง, เดอะแมนดาลอเรียนและโบ-คาทาน สุดท้ายนั้นทั้งสามคนรอดชีวิตได้ ต่อมาช่างตีเกราะเปิดเตาหลอมที่ยิ่งใหญ่แห่งแมนดาลอร์อีกครั้งและโบ-คาทานได้รับการประกาศให้เป็นผู้นำของชาวแมนดาลอร์ทั้งหมด
aware that the dark saber can't be given, it must be won.