40°45′20″N 73°58′55″W / 40.75553°N 73.98190°W
โรงแรมอัลกอนควิน (อังกฤษ : Algonquin Hotel) เป็นโรงแรมสำคัญในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่บนถนน 59 เวสต์ ที่ 44 ในแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1902 (พ.ศ. 2445) มีจำนวนห้องทั้งสิ้น 174 ห้อง ตัวโรงแรมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหลักเขตทางประวัติศาสต์ของนครนิวยอร์ก
โรงแรมแห่งนี้ประกอบด้วยประเพณีเฉพาะมากมาย ที่คิดขึ้นมาโดย แฟรงก์ เคส เจ้าของและผู้จัดการโรงแรมคนแรก โดยประเพณีที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ โต๊ะกลมอัลกอนควิน (Algonquin Round Table) ซึ่งเป็นประเพณีที่ผู้มีชื่อเสียงในวงการวรรณกรรม การละคร และภาพยนตร์ ต่าง ๆ มารวมกลุ่มเพื่อพบปะสังสรรค์กัน
แต่เดิม โรงแรมอัลกอนควินถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นอพาร์ตเมนต์แบบให้เช่า[1] แต่เนื่องจากผู้เป็นเจ้าของในขณะนั้นขายสัญญาเช่าได้น้อย เขาจึงยุติกิจการอพาร์ตเมนต์ไปแล้วหันมาประกอบธุรกิจโรงแรมแทน โดยใช้ชื่อโรงแรมว่า เดอะพูริแทน (The Puritan) ซึ่งต่อมา แฟรงก์ เคส เจ้าของโรงแรมคนถัดมา ได้เปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า ดิอัลกอนควิน (The Algonquin) ตามชื่อของชนเผ่าอัลกอนควิน ซึ่งเป็นชนเผ่าแรกที่เคยมาตั้งรกรากบนพื้นที่ที่โรงแรมตั้งอยู่ในปัจจุบัน[2][3]
เคสซื้อกิจการของโรงแรมนี้ ด้วยการซื้อสัญญาเช่าทั้งหมดของโรงแรมในปี ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450)[4] และซื้อทรัพย์สินทั้งหมดรวมถึงตัวอาคารเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี ค.ศ. 1927 (พ.ศ. 2470)[5] เคสดำรงตำแหน่งเจ้าของและผู้จัดการโรงแรมแห่งนี้จนเขาถึงแก่กรรมในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1946 (พ.ศ. 2489) ซึ่งผู้ที่ซื้อกิจการต่อจากเขาคือ เบน บอดน์ แห่งชารลส์ตัน รัฐเซาท์แคโรไลนา โดยซื้อไปในราคาเกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[6] และดำเนินการฟื้นฟูปฏิสังขรณ์โรงแรมให้ใหม่[7] หลังจากนั้น ตั้งแต่บอดน์ขายกิจการนี้ให้กับกลุ่มนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) โรงแรมแห่งนี้ก็เปลี่ยนผู้ถือครองกรรมสิทธิ์อยู่หลายหน โดยมาสิ้นสุดที่มิลเลอร์ โกลบอล พร็อปเพอร์ตีส์ ในปี ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) และหลังจากนั้นอีก 2 ปี ก็ถูกขายต่อให้กับ เอชอีไอ ฮอสพิทอลิตี[8]
โรงแรมแห่งนี้มีประเพณีการเลี้ยงแมวประจำโรงแรม ที่ถือปฏิบัติมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษที่ 1930 โดยแมวตัวแรกเป็นแมวจรจัดที่แฟรงก์ เคส เก็บได้และนำมาเลี้ยงไว้ ต่อมา จอห์น แบร์รีมอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน เห็นว่าควรจะตั้งชื่อแมวตัวดังกล่าวให้เกี่ยวกับวงการการแสดง เขาจึงตั้งชื่อให้มันว่า แฮมเลต (Hamlet) ซึ่งชื่อนี้ยังถูกนำมาใช้กับแมวเพศผู้ตัวอื่น ๆ ที่ถูกนำเลี้ยงไว้ที่นี่ด้วย ส่วนแมวที่เป็นเพศเมียจะใช้ชื่อว่า แมทิลดา (Matilda) สำหรับแมวประจำโรงแรมตัวปัจจุบัน เป็นแมวพันธุ์แร็กดอลล์เพศเมีย ที่เคยได้รับการเสนอชื่อให้เป็นแมวแห่งปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) ในงานแสดงแมวเวสต์เชสเตอร์ (นครนิวยอร์ก) โดยมันมีอีเมลประจำตัวด้วย ซึ่งผู้ที่มีหน้าที่ตอบอีเมลแทนมันคือผู้ช่วยผู้จักการทั่วไปของโรงแรม[9]
แม้ว่าแฟรงก์ เคส จะเคยปิดบริการบาร์เหล้าของโรงแรมเมื่อปี ค.ศ. 1917 (พ.ศ. 2460)[10] และประกาศให้โรงแรมเป็นเขตปลอดเครื่องดื่มมึนเมามาแล้วครั้งหนึ่ง ปัจจุบันโรงแรมอัลกอนควินก็มีรายการค๊อกเทลที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยมีส่วนผสมของวิสกี้ข้าวไรย์ นอยล์ลีแพรต และน้ำสับปะรด[11]
ปัจจุบัน ทางโรงแรมยังมีเครื่องดื่มรายการใหม่ชื่อว่า มาร์ทินีออนเดอะร็อค (Martini on the Rock) ที่ให้ลูกค้าเลือกชนิดของมาร์ทินีได้ตามใจ โดยจะเซิร์ฟพร้อมแก้วที่บรรจุน้ำแข็งที่เรียกกันว่า "เพชร" เอาไว้ก้อนหนึ่ง[12]
กลุ่ม โต๊ะกลมอัลกอนควิน หรืออีกชื่อหนึ่งว่า วงดุร้าย (Vicious Circle) ถือเป็นกิจกรรมประเพณีที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับโรงแรมอัลกอนควิน กลุ่มนี้เริ่มก่อตั้งครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1919 (พ.ศ. 2462) โดยการรวมตัวกันของกลุ่มนักวารสาร นักประพันธ์ นักประชาสัมพันธ์ และนักแสดง เพื่อมาแลกเปลี่ยนภูมิปัญญาซึ่งกันและกัน พร้อมกับการรับประทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหารหลักของโรงแรม กลุ่มนี้พบปะสังสรรค์กันเกือบทุกวันเป็นเวลาถึง 10 ปี โดยมีสมาชิกหลัก ได้แก่[13]
และสมาชิกขาจร ได้แก่[14]
ในช่วงที่แฟรงก์ เคส เป็นเจ้าของและผู้จัดการของโรงแรม เขาได้สร้างประเพณีการสงเคราะห์นักประพันธ์ที่ตกยากขึ้นมา ด้วยการจัดส่งขนมและผักขึ้นฉ่ายให้กับสมาชิกของโต๊ะกลมอัลกอนควินที่ยากจน ซึ่งปัจจุบัน ประเพณีนี้ได้รับการเปลี่ยนแปลงในทางปฏิบัติจากการมอบขนมและผัก เป็นการมอบสิทธิในการรับประทานอาหารกลางวันของโรงแรมในราคาพิเศษให้กับนักประพันธ์ที่ต่อสู้ ดิ้นรนในการใช้ชีวิต[15]
นอกจากนั้น ทางโรงแรมยังเคยเปิดให้นักประพันธ์ที่อยู่ระหว่างการท่องเที่ยวเข้ามาพักในโรงแรมได้ฟรี 1 คืน โดยแลกกับหนังสือของพวกเขาพร้อมลายเซ็น[16] ซึ่งแบบแผนการปฏิบัติเช่นนี้ได้ยกเลิกไปแล้วในปัจจุบัน
โรงแรมอัลกอนควินได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหลักเขตทางประวัติศาสตร์ประจำนครนิวยอร์ก (New York City History Landmark) ในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530)[17] และหลักเขตด้านวรรณกรรมแห่งชาติ (National Literary Landmark) ในปี ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539)[18] โดยเฟรนด์สออฟไลบรารีส์ยูเอสเอ ซึ่งเหตุที่โรงแรมได้รับสถานะเหล่านี้เป็นผลมาจากประเพณีโต๊ะกลมอัลกอนควินที่รวบรวมผู้มีเกียติทางด้านวรรณกรรมและการละครของสหรัฐอเมริกาเอาไว้มากมาย