ประเภท | บริษัทมหาชน |
---|---|
การซื้อขาย | SET:TOP |
อุตสาหกรรม | น้ำมันหรือแก๊ส |
ก่อตั้ง | 3 สิงหาคม พ.ศ. 2504 (63 ปี) |
สำนักงานใหญ่ | เลขที่ 555/1 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ อาคารเอ ชั้น 11 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
พื้นที่ให้บริการ | ประเทศไทย |
บุคลากรหลัก |
|
รายได้ | 390,090 ล้านบาท (2557)[1] |
รายได้สุทธิ | (4,026) ล้านบาท (2557) [1] |
สินทรัพย์ | 192,802 ล้านบาท (2557) [2] |
บริษัทแม่ | บริษัท ปตท. จำกัด |
เว็บไซต์ | เว็บไซต์ทางการ |
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: Thai Oil Public Company Limited) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ไทยออยล์ เป็นผู้ประกอบธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายนํ้ามันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย[3][4] และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504[5][6][7] โดยมีธุรกิจหลักคือ การกลั่นนํ้ามันปิโตรเลียม ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 275,000 บาร์เรลต่อวัน พลอากาศเอก ชานนท์ มุ่งธัญญา เป็น ประธานกรรมการบริษัท นาย บัณฑิต ธรรมประจำจิต เป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
นอกจากนี้ ไทยออยล์มีระบบการบริหารจัดการที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ (Operational Excellence) โดยบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงธุรกิจ ทั้งธุรกิจการกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน โดยร่วมวางแผนการผลิตก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำ ขณะเดียวกันมีคุณภาพสูงในระดับโรงกลั่นชั้นนำ (Top quartile) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจสารทำละลาย ธุรกิจบริหารการขนส่งทางเรือและทางท่อ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด ธุรกิจบริการจัดเก็บนํ้ามันดิบ นํ้ามันปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และธุรกิจให้บริการด้านการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรสำหรับกลุ่มไทยออยล์
ปัจจุบันโรงกลั่นนํ้ามันไทยออยล์สามารถผลิตนํ้ามันปิโตรเลียมสำเร็จรูปประมาณ 14,000 ล้านลิตรต่อปีหรือประมาณร้อยละ 25 ของกำลังการกลั่นรวมภายในประเทศ โดยมีการจำหน่ายในประเทศประมาณร้อยละ 85 ของกำลังการผลิตทั้งหมด โรงกลั่นนํ้ามันไทยออยล์ได้รับการออกแบบให้สามารถสร้างมูลค่าสูงสุดจากระบบการผลิตได้อย่างเต็มที่ และด้วยเหตุที่เป็นโรงกลั่น Complex Refinery ดังกล่าว จึงมีกระบวนการกลั่นหลายขั้นตอนคือมีทั้งหน่วยกลั่นนํ้ามันดิบ หน่วยเพิ่มคุณภาพ และหน่วยเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปที่มีคุณค่าสูงในสัดส่วนที่สูงมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียแปซิฟิกโดยมีความยืดหยุ่นสูงในการใช้วัตถุดิบหรือนํ้ามันดิบจากแหล่งต่างๆสามารถปรับเปลี่ยนระดับการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปแต่ละชนิดให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดภายในประเทศ
โรงกลั่นไทยออยล์ประกอบด้วยหน่วยกลั่นหลักๆ 3 ประเภท ดังนี้
1. หอกลั่นนํ้ามันดิบ (Crude Distillation Units) |
ทำหน้าที่กลั่นนํ้ามันดิบเป็นนํ้ามันสำเร็จรูปชนิดต่างๆ โดยแยกประเภทตามอุณหภูมิที่ต่างกัน |
2. หน่วยเพิ่มคุณภาพนํ้ามัน (Upgrading Units) |
ทำหน้าที่แปลงสภาพผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าต่ำเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง โดยอาศัยปฏิกิริยาทางเคมี |
3. หน่วยปรับปรุงคุณภาพนํ้ามัน (Quality Improvement Units) |
ทำหน้าที่ปรับปรุงคุณภาพของนํ้ามันเพื่อให้ได้ตามมาตรฐานที่ต้องการเช่น การกำจัดสารปนเปื้อนต่างๆ ออกจากนํ้ามัน เป็นต้น |
โรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของ บจก. ไทยพาราไซลีน ซึ่งไทยออยล์ถือหุ้นทั้งหมด จะมีบทบาทในการสร้างเสริมรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทไทยออยล์
โรงงานผลิตนํ้ามันหล่อลื่นพื้นฐานของ บมจ. ไทยลู้บเบส ซึ่งไทยออยล์ถือหุ้นทั้งหมด มีบทบาทในการสร้างเสริมรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทไทยออยล์
ลงทุนในธุรกิจสารทำละลายและเคมีภัณฑ์ในประเทศไทย และต่างประเทศ โดยถือหุ้นในบริษัท ท็อป โซลเว้นท์ จำกัด
ถือหุ้นในบริษัท ศักดิ์ไชยสิทธิ จำกัด และบริษัท ท็อป โซลเว้นท์ (เวียดนาม) ไลอะบิลลิตี้ จำกัด
เป็นผู้นำทางธุรกิจสารทำละลายและเคมีภัณฑ์ในประเทศเวียดนาม โดยเป็นบริษัทในเครือไทยออยล์ ซึ่งได้ซื้อธุรกิจสารทำละลายและเคมีภัณฑ์ จากบริษัท เชลล์ ในประเทศเวียดนาม ก่อตั้ง เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2552 โดยมี บจ. ท็อป โซลเว้นท์ ถือหุ้น 100 เปอร์เซนต์
เป็นโรงงานผลิตสารทำละลายไฮโดรคาร์บอนคุณภาพสูงสำหรับงานอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมสี, ยางรถยนต์, กาว, สารสกัดนํ้ามันพืช, โฟม, พลาสติก, สารสกัดแร่ทองแดง เป็นต้น
โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมแบบโคเจนเนอเรชั่น โดยใช้แก๊สธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (Combined-Cycle Co-Generation Power Plant)
ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. ในการพัฒนา ลงทุน และดำเนินการทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ธุรกิจขนส่งผลิตภัณฑ์นํ้ามันปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีทางเรือ โดยมี บมจ.ไทยออยล์ ถือหุ้นทั้งหมด ช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทในกลุ่มไทยออยล์
ธุรกิจขนส่งนํ้ามันสำเร็จรูปภายในประเทศที่ไทยออยล์ถือหุ้นอยู่ จะช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทในกลุ่มไทยออยล์
บริษัทฯ มีกลยุทธ์ด้านพลังงานทดแทนโดยการลงทุนในธุรกิจผลิตเอทานอล เพื่อรองรับนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนการผลิต และ การใช้พลังงานทดแทน บริษัทฯ จึงได้จัดตั้ง บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด โดยถือหุ้นร้อยละ 100 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาธุรกิจด้านเอทานอลและธุรกิจต่อเนื่อง
เป็นธุรกิจการบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคล เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทในเครือไทยออยล์ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
บริษัท ลาบิกซ์ จำกัด เป็นผู้ผลิตสาร LAB (Linear Alkyl Benzene) รายแรกของประเทศไทย และเป็นผู้ผลิตครบวงจรที่สุดรายแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสาร LAB เป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตผงซักฟอกและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สาร LAB ถือเป็นนวัตกรรมล่าสุดของเครือไทยออยล์ ที่ใช้เทคโนโลยีที่มีความทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สาร LAB (Linear Alkyl Benzene) เป็นสารตั้งต้นหลักในธุรกิจผงซักฟอกและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด โดยเกิดจากการนำสารเบนซีนมาทำ ปฏิกิริยาแอลคิเลชั่นกับนอร์มัล พาราฟิน (Normal Paraffin) ซึ่งสกัดได้จากนํ้ามันก๊าด (Kerosene) โดยสาร LAB เกือบทั้งหมดจะถูกนำไปผลิตเป็น LAS (Linear Alkylbenzene Sulfonates) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตผงซักฟอก และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด โดยกว่า 80% ของสาร LAS ถูกนำไปใช้ในการผลิตผงซักฟอกเพื่อใช้ในครัวเรือน ส่วนที่เหลือนำไปใช้การผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพื่อใช้ในภาคอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ LAS เป็นสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) ประเภทหนึ่ง ที่เมื่อละลายนํ้าแล้วจะช่วยลดแรงตึงผิวของนํ้า โดยมีคุณสมบัติช่วยให้เกิดฟอง และมีความสามารถในการดึงสิ่งสกปรกออกจากพื้นผิวให้กระจายอยู่ในนํ้า
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จำนวนหุ้น 979,765,183 สัดส่วนการถือหุ้น 48.03%