ประชากรทั้งหมด | |
---|---|
ประมาณ 465,000 คน[ต้องการอ้างอิง] | |
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ | |
กรุงเทพมหานคร, จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย | |
ภาษา | |
ศาสนา | |
ส่วนมาก: ส่วนน้อย: |
ชาวไทยเชื้อสายอินเดีย คือชาวไทยที่สืบเชื้อสายมาจากชาวอินเดียที่อพยพเข้ามาอาศัยในประเทศไทย แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ชาวซิกข์และชาวฮินดู
ชาวไทยเชื้อสายอินเดีย แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
ชาวซิกข์จะมีการแต่งกายที่มีจุดเด่น คือ ผู้ชายจะโพกหัวและมีคำลงท้ายว่า ‘สิงห์’ ชาวซิกข์ทุกคนมีสัญลักษณ์ประจำกาย 5 อย่างหรือ ก 5 ประการ ได้แก่:
นอกจากนี้ยังห้ามกินเนื้อวัวและไม่มีรูปเคารพ แต่เมื่อมาอยู่ประเทศไทย จึงต้องปรับตัวเองตามสังคม เช่น มีดมีขนาดเล็กลง มีความยาวเพียงไม่กี่นิ้ว บางคนทำเป็นจี้ห้อยคอ หรือเปลี่ยนจากกำไลเหล็กเป็นกำไลทอง
ชาวซิกข์เดินทางจากรัฐปัญจาบเข้ามาในไทยตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยเข้ามาทางประเทศมาเลเซียโดยผ่านภาคใต้ หรือมาทางบกโดยผ่านประเทศพม่า หลายคนเข้ามาเป็นพลตระเวน (ตำรวจ) แต่ส่วนใหญ่นิยมทำการค้า คนไทยจึงเรียกกันติดปากว่า แขกขายผ้า ชาวซิกข์ที่เปิดเป็นล่ำเป็นสันอยู่ที่บ้านหม้อ สมัยนั้นเรียก ร้านแขก เมื่อการค้าเจริญขึ้น จึงได้ชักชวนญาติพี่น้องเข้ามามากขึ้น และรวมกลุ่มตั้งแหล่งทำกินที่พาหุรัด เมื่อพาหุรัดแออัด ชาวซิกข์จึงหาที่อยู่ใหม่แถบท่าพระ บางแค สุขุมวิท คลองตัน และสี่แยกบ้านแขก โดยเฉพาะซอยสารภี 2 ถือเป็นกลุ่มใหญ่ นอกจากขายผ้า ชาวซิกข์ยังนิยมปล่อยเงินกู้หรือขายของเงินผ่อนด้วย
นามธารี (Namdhari) เป็นนิกายหนึ่งในศาสนาซิกข์ที่ราม สิงห์ (พระศาสดาองค์ที่ 12) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2355 นอกจากการปฏิบัติตามหลักศาสนาซิกข์แล้ว ยังต้องถือบัญญัติขององค์พระศาสดา ศิริ สัตคุรุ ราม ซิงห์ ด้วย เช่น ห้ามกินเนื้อสัตว์และไข่ทุกชนิด ต้องสวดมนต์ระลึกถึงพระนามของพระผู้เป็นเจ้า "นาม ซิมราน" (Nam Simran) ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ผู้ชายต้องโพกศีรษะด้วยผ้าสีขาวเท่านั้น ผู้หญิงห้ามใช้เครื่องประดับหรือแต่งหน้าทาปาก เน้นใช้ชีวิตเรียบง่าย บริเวณที่คนกลุ่มนี้อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก คือ ถนนสุขุมวิทและสี่แยกบ้านแขก
บรรพบุรุษชาวพราหมณ์ฮินดูในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นชาวรัฐปัญจาบและรัฐอุตตรประเทศจากประเทศอินเดีย ชาวฮินดูที่อพยพมาจากรัฐปัญจาบนิยมกิจการค้าผ้าที่พาหุรัด ส่วนที่มาจากรัฐอุตตรประเทศเกือบทั้งหมดมีอาชีพเป็นแขกยาม ก่อนที่จะลดจำนวนลงเมื่อทางการประกาศห้ามคนต่างด้าวทำอาชีพนี้
ชาวฮินดูนิยมตั้งถิ่นฐานในกรุงเทพมหานครมากกว่าที่จังหวัดอื่น พวกที่มาจากรัฐปัญจาบนิยมตั้งชุมชนแถบพาหุรัด สี่แยกบ้านแขก และถนนสุขุมวิท โดยที่สี่แยกบ้านแขกอยู่หนาแน่นนับร้อยครัวเรือนในซอยสารภี 2 และกระจายตามซอยในถนนอิสรภาพ ได้แก่ซอยอิสรภาพ 3, 6, 8, 12 และ 15 ส่วนที่มาจากรัฐอุตตรประเทศตั้งถิ่นฐานแถบหัวลำโพง
ชาวอินเดียมุสลิมจากรัฐคุชราต แบ่งออกเป็นสองกลุ่มย่อย โดยจำแนกตามนิกาย คือ
ผู้นับถือศาสนาเชนในกรุงเทพมหานคร โดยมากอาศัยอยู่ในซอยพุทธโอสถหรือซอยการาจี เขตบางรัก โดยมีศาสนสถานทั้งนิกายทิคัมพรและเศวตามพรอย่างละแห่ง ในปี พ.ศ. 2563 มีศาสนิกชนจำนวน 125 คน[4]
บุคคลเชื้อสายปาร์ซี คือ ชาวอินเดียที่มีบรรพบุรุษนับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์มาจากประเทศอิหร่าน เข้าไปตั้งหลักแหล่งในประเทศอินเดีย และมีบางส่วนอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย[4] เข้าใจว่าชาวปาร์ซีคงอพยพสู่ไทยตั้งแต่การเปิดเสรีการค้าจากสนธิสัญญาเบอร์นี เมื่อปี พ.ศ. 2368 เพราะปรากฏหลุมศพในสุสานปาร์ซีที่เก่าที่สุด ระบุปีมรณกรรมของผู้ตายไว้ในปี พ.ศ. 2373[5] ชาวปาร์ซีจะปรับตัวให้กลมกลืนไปกับชนส่วนใหญ่ ไม่สู้เผยแผ่ศาสนาและวัฒนธรรมของตน[4] เบื้องต้นชาวปาร์ซีรับราชการอยู่ในกรมรถไฟหลวง ยุคหลังก็พบว่าพวกเขาประกอบธุรกิจอื่น เช่น ตระกูลบีโรซา ทำกิจการนำเข้าและส่งออกสินค้า ต่อมาลูกหลานมีบทบาทด้านการพยาบาล และตระกูลเปสตันยี ที่มีชื่อเสียงในแวดวงภาพยนตร์ คือ รัตน์ เปสตันยี[5]
ภาษาของชาวไทยเชื้อสายอินเดียในปัจจุบันเหลือจำนวนผู้พูดน้อย เนื่องจากชาวไทยเชื้อสายอินเดีย ร้อยละ 80 เกิดในแผ่นดินไทย หลายคนจึงหันมาพูดภาษาไทยเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีส่วนน้อยที่สามารถพูดภาษาดั้งเดิมของตนเองได้ และบางคนก็ผสมกลมกลืนกับชาวไทยทั่วไป ชาวไทยเชื้อสายอินเดียบางส่วนที่ทำงานทางด้านเศรษฐกิจ บางส่วนสามารถพูดภาษาจีนได้ โดยเฉพาะภาษาจีนแต้จิ๋วซึ่งถือเป็นภาษากลางในการสื่อสารของชาวไทยเชื้อสายจีน[6]
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)[ลิงก์เสีย]
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)