ขงเบ้ง เจาะเวลามาปั้นดาว | |
หน้าปกของมังงะ ขงเบ้ง เจาะเวลามาปั้นดาว เล่ม 1 ในฉบับภาษาไทย | |
パリピ孔明 (Paripi Kōmei) | |
---|---|
ชื่อภาษาอังกฤษ | Ya Boy Kongming! |
แนว | |
มังงะ | |
เขียนโดย | ยูโตะ โยตสึบะ |
วาดภาพโดย | เรียว โองาวะ |
สำนักพิมพ์ | โคดันชะ |
สำนักพิมพ์ภาคภาษาไทย | เซนชู |
ในเครือ | ยังแมกกาซีนเคซีสเปเชียล |
นิตยสาร |
|
กลุ่มเป้าหมาย | เซเน็ง |
วางจำหน่ายตั้งแต่ | 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 – ปัจจุบัน |
จำนวนเล่ม | 18 (ญี่ปุ่น) 9 (ไทย) |
อนิเมะโทรทัศน์ | |
กำกับโดย | ชู ฮมมะ |
เขียนบทโดย | โยโกะ ยาไนยามะ |
ดนตรีโดย | เก็งกิ ฮิโกตะ |
สตูดิโอ | พีเอเวิกส์ |
ถือสิทธิ์โดย | บิลิบิลิ |
เครือข่าย | โตเกียวเอ็มเอ็กซ์, เอ็มบีเอส, บีเอส เอ็นทีวี |
เครือข่ายภาษาไทย | บิลิบิลิ |
ฉาย | 5 เมษายน พ.ศ. 2565 – 21 มิถุนายน พ.ศ. 2565 |
ตอน | 12 |
ละครโทรทัศน์ | |
กำกับโดย | ชูเฮ ชิบูเอะ |
อำนวยการสร้างโดย | คาซูมิ ยาโอะ |
เขียนบทโดย | นนจิ เนโมโตะ |
ดนตรีโดย | นาโอยูกิ ชิกาตานิ |
สตูดิโอ | ซีแอนด์ไอเอ็นเตอร์เทนเมนต์ |
เครือข่าย | ฟูจินิวส์เน็ตเวิร์ก (ฟูจิทีวี, คันไซทีวี) |
ฉาย | 27 กันยายน พ.ศ. 2566 – 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 |
ตอน | 12 |
ภาพยนตร์อนิเมะ | |
ขงเบ้ง เจาะเวลามาปั้นดาว โรดทูซัมเมอร์โซเนีย | |
กำกับโดย | ชู ฮมมะ |
เขียนบทโดย | โยโกะ ยาไนยามะ |
ดนตรีโดย | เก็งกิ ฮิโกตะ |
สตูดิโอ | พีเอเวิกส์ |
ถือสิทธิ์โดย | ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ |
ฉาย | 1 มีนาคม พ.ศ. 2567 (ญี่ปุ่น) 6 มิถุนายน พ.ศ. 2567 (ไทย) |
ขงเบ้ง เจาะเวลามาปั้นดาว (ญี่ปุ่น: パリピ孔明; โรมาจิ: Paripi Kōmei; ทับศัพท์: พาริปิ โคเม; แปลว่า "ขงเบ้งนักท่องราตรี") เป็นซีรีส์มังงะญี่ปุ่น เขียนเรื่องโดยยูโตะ โยตสึบะ วาดภาพโดยเรียว โองาวะ ซีรีส์เผยแพร่ทางเว็บไซต์คอมิกเดส์ของสำนักพิมพ์โคดันชะตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ถึงพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 และต่อมาย้ายไปตีพิมพ์ต่อในนิตยสารยังแมกกาซีนรายสัปดาห์ ได้รับการรวบรวมตีพิมพ์เป็นหนังสือมังงะรวมเล่ม (ทังโกบง) ถึงเล่มที่ 17 เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 มังงะมีลิขสิทธิ์ในประเทศไทยโดยสำนักพิมพ์เซนชู เรื่องราวในเขตชิบูยะของกรุงโตเกียว เกี่ยวกับจูกัดเหลียง ชื่อรองขงเบ้ง ผู้ถูกย้ายจากจีนยุคโบราณมายังประเทศญี่ปุ่นในยุคปัจจุบัน และใช้กลยุทธ์ทางทหารต่าง ๆ เพื่อทำให้ซึกิมิ เอย์โกะซึ่งเป็นสหายใหม่กลายเป็นนักร้องชื่อดัง
ซีรีส์อนิเมะโทรทัศน์ดัดแปลงผลิตโดยสตูดิโอพีเอเวิกส์ เผยแพร่ทางแพลตฟอร์มสื่อส่งผ่านสัญญาณต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงมิถุนายน พ.ศ. 2565 และออกอากาศทางโทรทัศน์ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงมิถุนายนปีเดียวกัน บิลิบิลิได้ลิขสิทธิ์เผยแผร่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฉายทางแพลตฟอร์มสื่อส่งผ่านสัญญาณต่อเนื่องของบิลิบิลิ รวมถึงการฉายรูปแบบพากย์เสียงภาษาไทย
ซีรีส์ละครโทรทัศน์คนแสดงออกอากาศตั้งแต่เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ทางผังรายการชินซูอิ 10 ดรามา ทางช่องฟูจิทีวี
จูกัดเหลียง ชื่อรองขงเบ้ง นักยุทธศาสตร์การทหารที่มีชื่อเสียงในยุคสามก๊ก ล้มป่วยเสียชีวิตระหว่างยุทธการที่ทุ่งราบอู่จั้งในปี ค.ศ. 234 ก่อนตายขงเบ้งปรารถนาชีวิตในชาติหน้าที่สงบสุขปราศจากการนองเลือด ต่อมาขงเบ้งได้กลับชาติมาเกิดใหม่ในประเทศญี่ปุ่นยุคปัจจุบันด้วยร่างในวัยหนุ่ม ปรากฏตัวกลางงานปาร์ตี้แฟนซีในวันฮาโลวีนในเขตชิบูยะ ประเทศญี่ปุ่น เหล่านักท่องราตรี (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "พาริปิ" ย่อมาจากคำภาษาอังกฤษ 'party people') ในชิบูยะได้พาขงเบ้งมายังไนต์คลับแห่งหนึ่ง ที่ซึ่งขงเบ้งได้พบกับซึกิมิ เอย์โกะ นักร้องผู้มีความทะเยอทะยาน และแล้วชีวิตครั้งที่สองของขงเบ้งจึงเริ่มต้นขึ้น
โฟร์ทคิงด้อมเป็นค่ายเพลงอินดีที่ก่อตั้งขึ้นโดยขงเบ้ง ตั้งอยู่ใน BB เลาจน์ซึ่งเป็นไนต์คลับแห่งหนึ่งในชิบูยะ
ขงเบ้ง เจาะเวลามาปั้นดาว เขียนเรื่องโดยยูโตะ โยตสึบะ และวาดภาพโดยเรียว โองาวะ เผยแพร่ทางเว็บไซต์คอมิกเดส์ (Comic Days) ของสำนักพิมพ์โคดันชะตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562[8] จนถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564[9] ซีรีส์จะย้ายไปตีพิมพ์ในนิตยสารยังแมกกาซีนรายสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564[10] สำนักพิมพ์โคดันชะรวบรวมตีพิมพ์เป็นหนังสือมังงะรวมเล่ม (ทังโกบง) เล่มแรกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563[1] วางจำหน่ายถึงเล่มที่ 14 เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2566[11]
มังงะมีลิขสิทธิ์ในประเทศไทยโดยสำนักพิมพ์เซนชู ประกาศลิขสิทธิ์เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2563[12] วางจำหน่ายหนังสือมังงะเล่มแรกเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564[13] วางจำหน่ายถึงเล่มที่ 8 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567[14]
# | วันที่ออกจำหน่ายต้นฉบับ | ISBN ต้นฉบับ | วันที่ออกจำหน่ายภาษาไทย | ISBN ภาษาไทย |
---|---|---|---|---|
1 | 8 เมษายน พ.ศ. 2563[15][16] | 978-4-06-519219-1 | 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564[13] | 978-616-561-192-3 |
2 | 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2563[17][18] | 978-4-06-520198-5 | 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2564[19] | 978-616-561-192-3 |
3 | 14 ตุลาคม พ.ศ. 2563[20][21] | 978-4-06-520998-1 | 16 มีนาคม พ.ศ. 2565[22] | 978-616-561-306-4 |
4 | 13 มกราคม พ.ศ. 2564[23][24] | 978-4-06-522012-2 | 17 สิงหาคม พ.ศ. 2565[25] | 978-616-561-361-3 |
5 | 14 เมษายน พ.ศ. 2564[26][27] | 978-4-06-522928-6 | 7 ตุลาคม พ.ศ. 2565[28] | 978-616-561-380-4 |
6 | 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2564[29][30] | 978-4-06-523989-6 | 23 สิงหาคม พ.ศ. 2566[31] | 978-616-561-486-3 |
7 | 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564[32][33] | 978-4-06-525885-9 | 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566[34] | 978-616-561-510-5 |
8 | 6 มกราคม พ.ศ. 2565[35] | 978-4-06-526485-0 | 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567[14] | 978-616-561-573-0 |
9 | 6 เมษายน พ.ศ. 2565[36] | 978-4-06-527465-1 | 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2567[37] | 978-616-561-624-9 |
10 | 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2565[38] | 978-4-06-528482-7 | — | — |
11 | 6 ตุลาคม พ.ศ. 2565[39] | 978-4-06-529480-2 | — | — |
12 | 6 มกราคม พ.ศ. 2566[40] | 978-4-06-530382-5 | — | — |
13 | 6 เมษายน พ.ศ. 2566[41] | 978-4-06-531377-0 | — | — |
14 | 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2566[11] | 978-4-06-532251-2 | — | — |
15 | 5 ตุลาคม พ.ศ. 2566[42] | 978-4-06-533371-6 | — | — |
16 | 9 มกราคม พ.ศ. 2567[43] | 978-4-06-534296-1 | — | — |
17 | 5 เมษายน พ.ศ. 2567[44] | 978-4-06-535243-4 | — | — |
18 | 6 สิงหาคม พ.ศ. 2567[45] | 978-4-06-536541-0 | — | — |
ซีรีส์อนิเมะโทรทัศน์ดัดแปลง สร้างโดยสตูดิโอพีเอเวิกส์ ประกาศสร้างเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ซีรีส์อนิเมะกำกับโดยชู ฮมมะ ดูแลการเขียนบทโดยโยโกะ โยไนยามะ ออกแบบตัวละครโดยคานามิ เซกิงูจิ และแต่งดนตรีประกอบโดยเก็งกิ ฮิโกตะ[3] ฉายทาง Abema และแพลตฟอร์มสตรีมมิงอื่น ๆ ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม[46][47] ถึง 16 มิถุนายน พ.ศ. 2565[48] และออกอากาศทางโทรทัศน์ทางช่องโตเกียวเอ็มเอ็กซ์, เอ็มบีเอส และบีเอส เอ็นทีวีตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนถึง 21 มีนาคมในปีเดียวกัน[49] เพลงเปิดชื่อเพลงว่า "จิกิจิกิ บังบัง" (チキチキバンバン Chikichiki Banban, "Chitty Chitty Bang Bang") ร้องโดยกลุ่มดนตรี QUEENDOM ส่วนเพลงเปิดชื่อเพลงว่า"คิบุง โจโจ ↑↑" (気分上々↑↑ Kibun Jōjō ↑↑, "อารมณ์อย่างสุดคึก ↑↑") ร้องโดย Eiko Starring 96Neko[a][6][51] ซีรีส์อนิเมะมีรูปแบบพากย์ภาษาไทยทางบิลิบิลิ ฉายตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายนถึง 11 ธันวาคม พ.ศ. 2565
ภาพยนตร์มัดรวมชื่อเรืองว่า ขงเบ้ง เจาะเวลามาปั้นดาว โรดทูซัมเมอร์โซเนีย (ญี่ปุ่น: パリピ孔明 Road to Summer Sonia) ออกฉายในโรงภาพยนตร์ที่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2567[52] ภาพยนตร์นำเข้าฉายในประเทศไทยโดยบริษัท ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ จำกัด ออกฉายในโรงภาพยนตร์ในประเทศไทยในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2567[53][54]
ตอนที่ | ชื่อตอน[55][56][b] | ผู้กำกับ[c] | ผู้เขียนบท[c] | ผู้เขียนสตอรีบอร์ด[c] | วันที่ออกอากาศครั้งแรก[46][d] | |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | "ขงเบ้ง เยือนชิบุย่า (ญี่ปุ่น: 孔明、渋谷に降り立つ; โรมาจิ: Kōmei, Shibuya ni Oritatsu)" | ชู ฮมมะ | โยโกะ โยไนยามะ | ชู ฮมมะ | 5 เมษายน พ.ศ. 2565 | |
ในปี ค.ศ. 234 ในยุคสามก๊ก จูกัดเหลียง ขงเบ้งล้มป่วยหนักใกล้เสียชีวิต ในวาระสุดท้ายขงเบ้งได้อธิษฐานขอให้เกิดใหม่ในโลกที่สงบสุขปราศจากสงคราม ในเวลาต่อมาขงเบ้งก็ตื่นขึ้นในสภาพของตัวเองในวัยหนุ่มในชิบูยะยุคปัจจุบัน ขงเบ้งรู้สึกสับสนกับสิ่งรอบตัวแล้วหลงเดินเข้าไปในบาร์ใกล้ ๆ ที่นั่นขงเบ้งได้เห็นนักร้องสาวชื่อซึกิมิ เอย์โกะกำลังแสดงบนเวที ขงเบ้งรู้สึกประทับใจกับเสียงร้องเพลงของเอย์โกะ วันถัดมาเอย์โกะเห็นขงเบ้งหมดสติบนถนนจึงพาไปที่บ้าน ที่นั่นเอย์โกะได้สอนเรื่องพื้นฐานของญี่ปุ่นยุคปัจจุบันให้กับขงเบ้ง ขงเบ้งเชื่อว่าตนกลับชาติมาเกิดใหม่ในญี่ปุ่นยุคปัจจุบันด้วยเหตุผลบางอย่าง ด้วยความช่วยเหลือของเอย์โกะ ขงเบ้งจึงได้ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ไนต์คลับที่เอย์โกะทำงานอยู่ โคบายาชิบอสของเอย์โกะรับขงเบ้งเข้าทำงานเพราะตัวเขาคลั่งไคล้เรื่องสามก๊ก หลังเลิกงานวันแรก เอย์โกะเผยว่าครั้งหนึ่งเธอคิดจะฆ่าตัวตาย แต่พอได้ยินนักร้องคนหนึ่งร้องเพลงก็เกิดแรงผลักดันที่จะมีชีวิตต่อไปเพื่อเป็นนักร้องสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นเช่นกัน แต่จนถึงตอนนี้เอย์โกะก็ไม่ผ่านออดิชันทุกครั้งที่สมัครและคิดที่จะถอดใจ ขงเบ้งจึงเสนอตนเป็นกุนซือให้กับเอย์โกะเพื่อบรรลุซึ่งความฝัน | ||||||
2 | "ขงเบ้ง ออกกลศึก (ญี่ปุ่น: 孔明、計略を使う; โรมาจิ: Kōmei, Keiryaku o Tsukau)" | โมโตกิ นากานิชิ | โยโกะ โยไนยามะ | ชู ฮมมะ | 12 เมษายน พ.ศ. 2565 | |
เมื่อเอย์โกะนึกถึงการเสนอตนเป็นกุนซือของขงเบ้ง เอย์โกะก็มุ่งหวังจะแสดงในเทศกาลดนตรีใหญ่ในญี่ปุ่นและทั่วโลก แต่เธอไม่มีชื่อเสียงและจำนวนผู้ติดตามเพียงพอที่จะเข้าร่วมได้ ขงเบ้งได้จัดการให้ตนและเอย์โกะได้ไปชมการแสดงของนักร้องชื่อดังนามมิอา อิริโอโมเทะเพื่อดูว่าจะเรียนรู้อะไรจากการไปชมการแสดงได้บ้าง ขงเบ้งได้เข้าพบมิอาที่หลังเวที มิอาเชิญให้เอย์โกะมาร่วมการแสดงในคลับขนาดใหญ่ แต่ขงเบ้งก็ได้รู้ว่าเอย์โกะถูกกำหนดให้แสดงในเวลาเดียวกันกับมิอาที่อยู่อีกเวที หมายความว่ามิอาต้องการใช้ประโยชน์จากการที่เอย์โกะเป็นนักร้องไร้ชื่อเพื่อเพิ่มผู้ชมให้ตัวเอง ในคืนที่มีการแสดง ขงเบ้งจัดพื้นที่เวทีทำให้ผู้ชมสับสนหาทางออกไม่ได้ง่าย ๆ ซึ่งประยุกต์มาจากค่ายกลทหารศิลาแปดประตูอันมีชื่อเสียงโด่งดังของตน ประกอบการที่ได้ยินเสียงร้องเพลงของเอย์โกะ ผู้ชมที่มาชมที่เวทีของเอย์โกะจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก การแสดงจบลงด้วยความประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงของเอย์โกะ ได้ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นกว่าพันคน ในขณะที่มิอาซึ่งไม่พอใจได้สั่งให้ผู้จัดการคอยติดตามความเคลื่อนไหวบนสื่อสังคมออนไลน์ของเอย์โกะไว้ | ||||||
3 | "ขงเบ้ง รู้วิถีที่จะมุ่งหน้าไป (ญี่ปุ่น: 孔明、進むべき道を知る; โรมาจิ: Kōmei, Susumu Beki Michi o Shiru)" | ยาซูโอะ ฟูจิอิ | นันโตะ เทรานิชิ | เค โออิกาวะ | 19 เมษายน พ.ศ. 2565 | |
ขงเบ้งใช้โอกาสจากความสำเร็จจากการแสดงของเอย์โกะก่อหน้านี้ จัดการให้เอย์โกะได้ร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีท้องถิ่น แต่เอย์โกะยังเป็นมือสมัครเล่นจึงได้เพียงเวทีเล็ก ๆ ที่ไม่โดดเด่น และมีกำหนดต้องการแสดงในเวลาเดียวกันกับการแสดงของวง Jet Jacket ที่เวทีหลัก ในเทศกาลดนตรีขงเบ้งลวงให้วง Jet Jacket เข้าใจว่าเครื่องเสียงของเอย์โกะมีปัญหาเพื่อทำให้ตายใจ จากนั้นจึงประยุกต์ใช้กลยุทธ์ "มีในไม่มี" หนึ่งในสามสิบหกกลยุทธ์ ขงเบ้งเผยว่าเขาได้สืบเรื่องวง Jet Jacket และรู้ว่านักร้องนำมีอาการเจ็บคอ และเพราะจะมีคอนเสิร์ตในวันถัดไป เขาจึงจะไม่ร้องเพลงดังของตัวเองในเทศกาล ขงเบ้งแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อให้วง Jet Jacket คลายความระมัดระวัง แล้วจึงให้เอย์โกะเปิดฉากการแสดงดึงดูดผู้ชมมาชม วง Jet Jacket มาต่อว่าขงเบ้งเรื่องที่ใช้เล่ห์กล แต่ขงเบ้งจัดการเอาใจพวกเขาโดยการเตรียมเครื่องดื่มที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอมาให้ดื่ม ขงเบ้งยินดีที่การแสดงที่ประสบความสำเร็จทำให้เอย์โกะมีความมั่นใจมากขึ้น และยังดึงดูดความสนใจของโปรดิวเซอร์ดนตรียักษ์ใหญ่ด้วย | ||||||
4 | "ขงเบ้ง ส่องวิถี (ญี่ปุ่น: 孔明、道を照らす; โรมาจิ: Kōmei, Michi o Terasu)" | มิจิรุ อิตาบิซาชิ | โยโกะ โยไนยามะ | มาซาโยชิ นิชิดะ | 26 เมษายน พ.ศ. 2565 | |
เอย์โกะและขงเบ้งได้รับการทาบทามจากคอนโด ซึโยชิ หนึ่งในผู้จัดงานเทศกาลดนตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก คอนโดประทับในความสามารถของเอย์โกะ จึงเสนอทางเลือกให้เอย์โกะสองทาง ทางเลือกแรกคือให้เข้าร่วมเทศกาลดนตรีท้องถิ่นที่คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงาน 10,000 คน อีกทางเลือกคือเทศกาลดนตรีขนาดใหญ่ชื่อซัมเมอร์โซเนีย ที่คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงาน 300,000 คน อย่างไรก็ตามการเข้าร่วมแสดงในซัมเมอร์โซเนียมีเงื่อนไขที่จะต้องเข้าร่วมในโครงการ "แสนไลค์" ก่อน โดยเอย์โกะต้องได้รับ 100,000 ไลค์ในหน้าโซเชียลมีเดียจึงมีสิทธิ์เข้าร่วมแสดง โดยมีคำเตือนว่ามีเพียงนักร้องเพียงคนเดียวที่สามารถทำเรื่องท้าทายนี้ให้สำเร็จได้ แต่เอย์โกะก็ตัดสินใจเลือกที่สมัครเข้าร่วมซัมเมอร์โซเนีย โดยวางใจให้ขงเบ้งเป็นผู้วางแผน ขงเบ้งเห็นว่าพวกตนต้องการแร็ปเปอร์ที่มาความสามารถมาร่วม จึงเริ่มเที่ยวไปตามคลับต่าง ๆ เป็นประจำเพื่อค้นหาผู้มีคุณสมบัติ ในขณะเดียวกันเอย์โกะก็มุ่งเน้นที่การฝึกฝนและการแต่งเพลงใหม่ จากนั้นเอย์โกะและขงเบ้งไปเที่ยวด้วยกันที่รปปงงิ เอย์โกะบอกกับขงเบ้งว่าความฝันสูงสูดของตนคือการได้ร้องเพลงที่วอยเซลแลนด์ หนึ่งเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขงเบ้งให้คำมั่นว่าจะช่วยให้ฝันของเอย์โกะเป็นจริง เอย์โกะจึงยอมให้ขงเบ้งได้ฟังเพลงใหม่ที่ตนแต่งขึ้น | ||||||
5 | "ขงเบ้ง ร่ายสัมผัสคล้องจอง (ญี่ปุ่น: 孔明、韻を踏む; โรมาจิ: Kōmei, In o Fumu)" | ยูกิ โมริตะ | ฮิเดอากิ ชิราซากะ | เค็นอิจิ อิไอซูมิ | 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 | |
ขงเบ้งเตรียมการจัดการดวลแร็ปที่ BB เลาจน์ ในขณะเดียวกัน แร็ปเปอร์หนุ่มอัจฉริยะชื่อ KABE ไทจิน ได้ให้คำมั่นกับตัวเองว่าจะเลิกแร็ป หลังจากล้มลงหมดสติระหว่างการดวลแร็ป สาเหตุมาจากโรคแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากความเครียด อย่างไรก็ตาม เขามักถูกแร็ปเปอร์คู่แข่งชื่อเซกิโทบะ กังฟูมากดดันให้เขากลับมาดวลแร็ปกันอีกครั้งหลังเซกิโทบะเคยพ่ายแพ้ KABE ไทจินในการดวลแร็ปครั้งก่อน KABE ไทจินพยายามปฏิเสธเซกิโทบะอย่างเต็มที่ บอกว่าเมื่อตนชนะในการดวลแร็ปมากครั้งเข้า ความกดดันในฐานะผู้อยู่จุดสูงสุดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนความเครียดมากเกินไปเกินกว่าจะรับได้ ต่อมา KABE ไทจินไปที่ร้านซักผ้าแล้วได้พบกับขงเบ้ง ขงเบ้งร้องแร็ปเข้าหา KABE ไทจินและท้าเขาให้ดวลแร็ปที่ BB เลาจน์ ถ้าขงเบ้งชนะ KABE ไทจินต้องมาเข้าร่วมกลุ่ม แต่ถ้า KABE ไทจินชนะ ขงเบ้งจะทำตามที่ KABE ไทจินขอได้หนึ่งข้อ KABE ไทจินตกหลุมกลการท้าท้ายของขงเบ้ง ในที่สุดจึงตัดสินใจไปยังที่ BB เลาจน์ที่ซึ่งขงเบ้งกำลังรอเขาอยู่ | ||||||
6 | "ขงเบ้ง ฟรีสไตล์ (ญี่ปุ่น: 孔明's フリースタイル; โรมาจิ: Kōmeizu Furīsutairu)" | อายะ โคบายาชิ | ฮิเดอากิ ชิราซากะ | ชู ฮมมะ | 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 | |
KABE ไทจินมาสังเกตการดวลแร็ปที่ BB เลาจน์ แล้วคิดจะเดินออกไป กระทั่งเขาได้ยินเอย์โกะร้องเพลงชวนให้นึกถึงตอนที่เขารู้จักแร็ปเป็นครั้งแรก ที่ซึ่งเขาเอาชนะความกลัวการเข้าสังคมของตนเองโดยการเข้าร่วมกลุ่มแร็ปกลุ่มเล็ก ๆ เมื่อเวลาผ่านไป KABE ไทจินมีความสามารถในการแร็ปเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เขาเป็นแร็ปเปอร์ที่ชนะการดวลแร็ปมาหลายครั้งต่อเนื่องกัน ฝ่ายขงเบ้งปรากฏตัวขึ้นบนเวทีแล้วท้าทาย KABE ไทจินที่กำลังจะเดินจากไปอีกครั้ง KABE ไทจินรับคำท้า ทั้งคู่จึงเริ่มการดวลแร็ปอย่างดุเดือด โดยมีเซกิโทบะมาร่วมชมด้วย ในระหว่างการดวลแร็ป ความหลงใหลในการแร็ปของ KABE ไทจินก็ตื่นขึ้นอีกครั้ง และใช้ความสามารถแร็ปเอาชนะขงเบ้งได้ เซกิโทบะจากไปอย่างพอใจที่คู่แข่งของตนกลับมาแร็ปอีกครั้ง หลังจากนั้นขงเบ้งถาม KABE ไทจินถึงเรื่องที่จะขอตามเงื่อนไขการดวล แต่ KABE ไทจินตอบว่าความปรารถนาของเขาที่ต้องการกลับมาแร็ปนั้นสำเร็จลงแล้ว จึงตัดสินใจขอเข้าร่วมกลุ่มกับขงเบ้ง ในความจริงขงเบ้งได้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นโดยทีทุกคนไม่รู้ ขงเบ้งใช้สายสืบไปสืบหาเพลงโปรดของ KABE ไทจิน และแอบใส่ยาแก้โรคกระเพาะในเครื่องดื่มของ KABE ไทจิน ขงเบ้งได้อ้างถึงหลักการยุทธ์จากพิชัยสงครามซุนวูว่าด้วยการใช้ผลประโยชน์ดึงดูดให้ข้าศึกเข้ามาหาตน | ||||||
7 | "แผนสร้างสันติภาพในใต้หล้า vol.1 (ญี่ปุ่น: 天下泰平の計vol.1; โรมาจิ: Tenka Taihei no Kei Boryūmu Wan)" | อากิระ ทากาฮาชิ | นันโตะ เทรานิชิ | มาซาโยชิ นิชิดะ | 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 | |
หลัง KABE ไทจิน มาร่วมกลุ่ม ขงเบ้งจึงเริ่มดำเนินแผนสำหรับโครงการแสนไลค์ โดยเน้นไปที่การขับเคี่ยวกับวงหญิงล้วนคู่แข่งชื่อ AZALEA ที่นำโดยนักร้องหญิงมากความสามารถชื่อคุอง นานามิ และได้รับการหนุนหลังโดยค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ KEY TIME เนื่องจากพวกตนไม่สามารถต่อกรกับทุนประชาสัมพันธ์ของ Key Time ขงเบ้งจึงกำหนดให้เวลาที่ดีที่สุดในการโพสต์เพื่อให้ได้ 100,000 ไลค์คือสามวันก่อนวันเดดไลน์ของการแข่งขัน ขณะเดียวกันขงเบ้งแนะนำให้ KABE ไทจินไปดวลแร็ปตัดสินกับเซกิโทบะอีกครั้ง และให้เอย์โกะไปบันทึกเสียงเพลงใหม่ของตนกับดีเจชื่อดังนามสตีฟ คิโดะ หรือชื่อเล่นว่า "คิด" คิโดะขอให้เอย์โกะร้องเพลง "I'm Still Alive Today" เพลงของมาเรีย ดีเซลนักร้องที่เอย์โกะชื่นชอบ คิโดะประทับใจในความสามารถของเอย์โกะ แต่ก็ยังแนะนำเอย์โกะให้ไปค้นหาเสียงของ "ตนเอง" ในขณะเดียวกันกับที่ KABE ไทจินกำลังคิดเรื่องเนื้อหาการแร็ปในการดวล ด้านเอย์โกะได้ใบอนุญาตการแสดงข้างถนนที่ขงเบ้งเตรียมให้แล้วมุ่งไปยังพื้นที่การแสดง ที่นั่นเอย์โกะได้พบนักร้องข้างถนนคนหนึ่งชื่อนานามิกำลังร้องเพลง "I'm Still Alive Today" เอย์โกะได้ฟังก็รู้สึกสนใจ เอย์โกะใช้ใบอนุญาตช่วยนานามิที่ถูกตำรวจสอบปากคำเรื่องไม่มีใบอนุญาต เอย์โกะจึงได้แสดงข้างถนนเป็นคู่ร่วมกับนานามิ โดยเอย์โกะเล่นกีต้าร์และนานามิเป็นผู้ร้องเพลง ทั้งคู่นัดกันจะมาพบกันอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น โดยนานามิขอให้เอย์โกะร้องเพลงด้วยกันกับตนในครั้งถัดไปเพราะอยากจะฟังเสียงของเอย์โกะ ด้านขงเบ้งที่ BB เลานจน์ได้ทำการทำนายโชคชะตาได้ความที่ว่า "เพื่อนที่รู้ใจ" | ||||||
8 | "ตามหาตัวเอง (ญี่ปุ่น: 自分を探す; โรมาจิ: Jibun o Sagasu)" | ยาซูโอะ ฟูจิอิ | นันโตะ เทรานิชิ | โยชิยูกิ อาไซ | 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 | |
วันถัดมา เอย์โกะแสดงข้างถนนร่วมกับนานามิอีก แต่ยังรู้สึกว่าความสามารถตนไม่ไปถึงขั้นนานามิและเริ่มหมดความมั่นใจ ขณะเดียวกัน KABE ไทจินก็กำลังมีปัญหากับเนื้อหาการแร็ปสำหนับการดวลที่จะเกิดขึ้นกับเซกิโทบะ KABE ไทจินและเอย์โกะพบกันโดยบังเอิญที่ BB เลาจน์ ทั้งคู่จึงร้องเพลงสดด้วยกัน จากนั้นเอย์โกะก็แนะนำให้ KABE ไทจินลองกลับไปยังจุดเริ่มต้น KABE ไทจินจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปยังบ้านเกิด ที่นั่น KABE ไทจินได้รู้จากคนที่ผ่านทางรวมถึงเพื่อนเก่าว่าเขากลายเป็นคนดังในท้องถิ่นบ้านเกิดที่ใคร ๆ ก็รู้จัก ด้านเอย์โกะใช้เวลาร่วมกันกับนานามิมากขึ้นและระบายความคับข้องใจให้นานามิฟัง นานามิจึงตกลงช่วยฝึกฝนให้เอย์โกะและช่วยเธอหาเสียงของตนเอง ในอีกไม่กี่วันต่อมา เอย์โกะก็ปรับปรุงการร้องของตนไปได้มากด้วยการฝึกสอนของนานามิ จึงตัดสินใจกลับไปพิสูจน์ตนเองกับคิโดะ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ต้องขอบคุณการฝึกสอนของนานามิ เออิโกะจึงสามารถปรับปรุงการร้องเพลงของเธอได้อย่างมาก และเธอตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับคิโดะ หลังจากเอย์โกะไปแล้ว นานามิได้รับโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาแล้วหายตัวไป | ||||||
9 | "เพื่อประชาราษฎร์ (ญี่ปุ่น: たみくさのために; โรมาจิ: Tamikusa no Tame ni)" | ชิเงกิ อาไว | ฮิเดอากิ ชิราซากะ | โนริฮิโระ นางานูมะ | 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 | |
นานามิรับโทรศัพท์ที่โทรมาจากผู้จัดการชื่อคาราซาวะ ปรากฏว่าแท้จริงแล้วเธอคือคนเดียวกันกับคุอง นานามิแห่งวง AZALEA คาราซาวะตำหนินานามิที่ไม่เชื่อฟังและห้ามไม่ให้ไปแสดงข้างถนนหรือพบกับเอย์โกะอีก ในขณะที่เอย์โกะได้แสดงการร้องเพลงให้คิโดะฟังอีกครั้ง คิโดะยอมรับว่าเอย์โกะพัฒนาขึ้นแล้ว แต่ยังบอกว่าเอย์โกะยังไม่พบเป้าหมายในการร้องเพลง ต่อมาเอย์โกะได้ขึ้นไปยังจุดชมวิวชั้นดาดฟ้าร่วมกับนานามิด้วยตั๋วขึ้นชมที่ขงเบ้งเตรียมไว้ให้ ที่นั่นนานามิได้เปิดเผยกับกับเอย์โกะว่าตนคือคุอง นานามิแห่งวง AZALEA นานามิเล่าให้ฟังว่าตนก่อตั้งวง AZALEA ร่วมกับเพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยมปลายสองคน แม้ว่าตอนแรกยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ก็สนุกกับการเล่นดนตรีตามใจต้องการ แต่ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปเมื่อพวกเธอได้กับโปรดิวเซอรืดนตรีคาราซาวะ โทชิฮิโกะจากค่าย KEY TIME คาราซาวะให้คำมั่นว่าจะทำให้วง AZALEA ประสบความสำเร็จถ้าร้องเพลงของคาราซาวะ ตอนแรกพวกเธอปฏิเสธ แต่เมื่อวง AZALEA ยังไม่ปรสบความสำเร็จจนมีปัญหาเรื่องเงินขัดแคลน ด้วยความสิ้นหวังจึงกลับไปพึ่งคาราซาวะ วง AZALEA จึงประสบความสำเร็จด้วยการทำตามคำแนะนำอันเข้มงวดของคาราซาวะ แต่ภายหลังนานามิเห็นว่าวง AZALEA ยอมแลกตนเพื่อชื่อเสียงและผลกำไรมากกว่าเพื่อดนตรี เอย์โกะรู้สึกได้ว่านานามิซ่อนปัญหาของตนไว้ จึงอยากจะใช้ดนตรีเพื่อช่วยเหลือเธอเหมือนกับตัวเอย์โกะเองที่ก็เคยได้ดนตรีช่วยไว้ เอย์โกะร้องเพลง "I'm Still Alive Today" ด้วยการตีความเพลงของตนเอง ทำให้นานามิประทับใจจนหลั่งน้ำตา นานามิแยกทางจากเอย์โกะ โดยเตือนเอย์โกะว่าครั้งต่อไปที่พบกันทั้งคู่จะกลายเป็นคู่แข่งกัน แต่เอย์โกะยังคงแสดงออกซึ่งความปรารถนาที่ได้ร้องเพลงกับนานามิอีกครั้งในสักวันหนึ่ง ในตอนนั้นขงเบ้งอยู่ที่นั่นด้วยแล้วได้ฟังเพลงที่เอย์โกะร้อง จึงบอกกับเอย์โกะว่าตอนนี้เธอพบเป้าหมายที่จะร้องเพลงแล้ว แล้วพร้อมที่จะก้าวสู่แผนการขั้นต่อไป | ||||||
10 | "DREAMER" | ทากูมะ ซูซูกิ | โยโกะ โยไนยามะ | มาซาโยชิ นิชิดะ | 7 มิถุนายน พ.ศ. 2565 | |
หลังจากพบเป้าหมายของตน เอย์โกะจึงกลับมาหาคิโดะและแสดงการร้องเพลงอีกครั้ง ครั้งนี้คิโดะรู้สึกประทับใจมากพอที่จะสร้างสรรค์การเรียบเรียงดนตรีให้กับเพลงของเอย์โกะ ขณะเดียวกัน KABE ไทจินก็เตรียมพร้อมสำหรับการดวลแร็ปกับเซกิโทบะและนึกถึงช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกันกับเพื่อนเก่าร่วมแร็ปด้วยกัน ระหว่างการดวลจริง เซกิโทบะประทับใจกับพัฒนาการของ KABE ไทจินมากจนรู้สึกยอมรับ ทางด้านนานามิที่ยังมีความรู้สึกซับซ้อนกับมิตรภาพของตนกับเอย์โกะ ก็ฝึกซ้อมในวง AZALEA ต่อไปภายใต้การกำกับของคาราซาวะ จากนั้นคาราซาวะก็ประกาศว่าวง AZALEA จะแสดงคอนเสิร์ตเซอร์ไพรส์ในชิบูยะ พร้อมมีรางวัลล้านเยนที่จะแจกให้ผู้ชม ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่ง 100,000 ไลค์ นานามิรู้สึกไม่สบายใจกับความคิดที่จะใช้เงินซือไลค์ แต่ไม่อาจขัดคำสั่งของคาราซาวะได้ กลับมาที่สตูดิโอของคิโดะ เอย์โกะร้องเพลงของตนในเวอร์ชันเรียบเรียงใหม่โดยคิโดะ ขงเบ้งได้ฟังแล้วพลันหวนนึกถึงความทรงจำเมื่อครั้งที่ได้พบกับเล่าปี่เป็นครั้งแรกและสาบานจะภักดีต่อเล่าปี่ ในอีกไม่กี่วันต่อมาเอย์โกะยังคงพัฒนาการร้องของตนเองต่อไปด้วยความเหลือจาก KABE ไทจิน และตัดสินใจตั้งชื่อเพลงของตนว่า "DREAMER" | ||||||
11 | "เรือฟางยืมลูกเกาทัณฑ์ (ญี่ปุ่น: 草船借箭; โรมาจิ: Sōsen Shakusen)" | อากิระ ทากามูระ | โยโกะ โยไนยามะ | Jong Heo | 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 | |
ทั้งขงเบ้งและวง AZALEA เริ่มดำเนินแผนการเพื่อให้ได้ 100,000 ไลค์ คาราซาวะวางแผนจะให้วง AZALEA แสดงคอนเสิร์ตเซอร์ไพรส์ที่หน้าห้างสรรพสินค้า SHIBUYA 109 ซึ่งจะทำการแจกคิวอาร์โค้ดให้ผู้ชมเข้าไปร่วมกิจกรรมลุ้นรับเงินล้านเยน ซึ่งเป็นการกดไลค์ให้วง AZALEA ด้วยในเวลาเดียวกัน ฝ่ายขงเบ้งคาดการณ์แผนของคาราซาวะไว้แล้วจึงให้เอย์โกะชิงร้องเพลงของวง AZALEA ที่หน้า SHIBUYA 109 ก่อน พร้อมการแสดงคิวอาร์โค้ดของตน หลอกให้ผู้ชมที่เป็นแฟนเพลงของวง AZALEA เข้าไปกดไลค์ให้เอย์โกะจนได้ราว 70,000 ไลค์ ก่อนจะถูกเผยไต๋ว่าเป็นตัวปลอม ด้านวง AZALEA ก็มาถึงและเริ่มแสดง แต่นานามิตกใจที่เห็นเอย์โกะเป็นคู่แข่งของพวกตนและเริ่มรู้สึกกังวลการแสดงของตนที่เอย์โกะกำลังดู ฝ่ายขงเบ้งคิดใช้ "กลยุทธ์แตกหัก" เพื่อทำให้วง Azalea แตกแยก แต่ขงเบ้งตัดสินใจเปลี่ยนแผนเพราะเคารพในมิตรภาพของเอย์โกะกับนานามิ จึงใช้ให้ KABE ไทจินร้องแร็ปยั่วยุ กล่าวหาวง AZALEA เป็นตัวปลอม แฟนเพลงของเอย์โกะที่ทำงานให้ขงเบ้งก็เริ่มแพร่ข่าวลือว่าวง AZALEA เป็นตัวปลอมเช่นกัน ทำให้ยอดไลค์ของวง AZALEA หยุดอยู่ที่ 98,000 ไลค์ ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ เอย์โกะก็เตรียมพร้อมที่จะร้องเพลงของตนต่อไป | ||||||
12 | "เพลงของเอย์โกะ (ญี่ปุ่น: 英子の歌; โรมาจิ: Eiko no Uta)" | ชู ฮมมะ | โยโกะ โยไนยามะ | ชู ฮมมะ | 21 มิถุนายน พ.ศ. 2565 | |
เอย์โกะเตรียมจะร้องเพลงแต่ถูกผู้ชมขับไล่ นานามิจึงพูดแทรกขอให้ผู้ชมเงียบเสียงลงและให้โอกาสแก่เอย์โกะ จากนั้นเอย์โกะจึงเริ่มร้องเพลง DREAMER เป็นที่ประทับใจของทั้งนานามิ เพื่อนร่วมวง และเหล่าผู้ชมทั้งหมด ผู้ชมเริ่มเข้าไปกดไลค์ให้เอย์โกะ คาราซาวะร้อนรนสั่งให้วง AZALEA เริ่มแสดงเพลงใหม่ แต่นานามิเมินเสีย ในที่สุดเอย์โกะจึงได้ 100,000 ไลค์ แม้วง AZALEA จะเป็นฝ่ายแพ้ แต่ทั้งวงได้รับแรงบันดาลใจจากการร้องเพลงของเอย์โกะ จึงตัดสินใจแสดงต่อในแนวทางของตนเองด้วยเพลงดั้งเดิมเพลงหนึ่งของวง ฝ่ายขงเบ้งได้เผยแพร่วิดีโอการแสดงของวง AZALEA ออนไลน์โดยที่วง AZALEA ไม่รู้ ทำให้พวกเขาได้ 100,000 ไลค์เช่นกัน และพิสูจน์ให้คาราซาวะเห็นว่าพวกเธอสามารถดึงดูดแฟนตัวจริงได้มากกว่าการใช้เงินซื้อไลค์ งานเลี้ยงฉลองชัยชนะของเอย์โกะจัดขึ้นที่ BB เลาจน์ ที่นั่นขงเบ้งเข้ามาสนทนากับคาราซาวะอย่างสุภาพ ขงเบ้งกล่าวว่าคาราซาวะก็เคยเป็นนักดนตรีที่มีความฝันในวัยเยาว์เช่นกันก่อนจะถูกหักหลังโดยเพื่อนร่วมวงคนหนึ่ง ฝ่ายคาราซาวะยอมรับว่าตนเห็นพรสวรรค์ของวง AZALEA และต้องการให้พวกเธอประสบความสำเร็จเพื่อจะได้ไม่เจอกับชะตากรรมเดียวกับที่ตนเคยประสบ ขณะนั้นวง AZALEA ได้ยินอดีตของคาราซาวะ จึงตกลงที่จะยังทำงานต่อไปร่วมกับคาราซาวะในฐานะโปรดิวเซอร์ ฝ่ายเอย์โกะได้ไปคุยกับขงเบ้ง ขอบคุณขงเบ้งที่ช่วยเธอในฐานะกุนซือ ส่วนขงเบ้งก็ขอบคุณเอย์โกะที่ให้เป้าหมายในชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงคราม จากนั้นขงเบ้งได้บอกกับตัวเองว่าแผนขั้นแรกเพื่อความฝันของเอย์โกะได้สำเร็จลุล่วงแล้ว จากนั้นเอย์โกะก็กลับไปยังเวทีเพื่อแสดงแก่แฟน ๆ ที่กำลังรออยู่ |
ซีรีส์ละครโทรทัศน์คนแสดงผลิตโดยฟูจิทีวีมีการประกาศสร้างเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ซีรีส์ละครกำกับโดยชูเฮ ชิบูเอะ เขียนบทโดยนนจิ เนโมโตะ โอซามุ มูไกรับบทแสดงเป็นขงเบ้ง ส่วนโมกะ คามิชิราอิชิรับบทแสดงเป็นสึกิมิ เอย์โกะ ออกอากาศทางผังรายการชินซูอิ 10 ดรามา ทางช่องฟูจิทีวีตั้งแต่วันที่ 27 กันยายนถึง 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566[7][57][58][52]
ละครเวทีดัดแปลงมีการประกาศในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 เขียนบทและกำกับโดยอากิระ อิชิดะจากคู่หูตลกนอนสไตล์ นำแสดงโดยเร ฟูจิตะ, ฮารูกิ อิวาตะ, โมเอกะ โคอิซูมิ และคนอื่น ๆ มีกำหนดออกแสดงในโตเกียวตั้งแต่วันที่ 3 ถึง 6 พฤษภาคม และในโอซากะในวันที่ 10 และ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2567[59][5]
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 มังงะมียอดจำหน่ายมากกว่า 1.2 ล้านเล่ม[60]
ซีรีส์มังงะชนะเลิศรางวัล U-NEXT ในสาขาเว็บมังงะของรางวัลมังงะถัดไปในปี พ.ศ. 2563[61] ซีรีส์มังงะติดอันดับที่ 9 ของ "การ์ตูนแนะนำโดยพนักงานร้านหนังสือทั่วประเทศประจำปี 2021" โดยเว็บไซต์ฮนยะคลับ[62][63] ซีรีส์มังงะได้รับการเสนอชื่อในรางวัลมังงะโชงากูกังครั้งที่ 69[64][e]
ปี | รางวัล | สาขา | ผู้เข้าร่วม | ผล | อ. |
---|---|---|---|---|---|
พ.ศ. 2566 | รางวัลอนิเมะครันชีโรลครั้งที่ 7 | ซีรีส์ใหม่ยอดเยี่ยม | ขงเบ้ง เจาะเวลามาปั้นดาว | เสนอชื่อเข้าชิง | [65] |
สุขนาฏกรรมยอดเยี่ยม | |||||
ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม | |||||
เพลงอนิเมะยอดเยี่ยม | "ชิกิจิกิ บังบัง" โดยวง QUEENDOM | ||||
ฉากเพลงเปิดยอดเยี่ยม |