ชี เหม่ยเจิน | |
---|---|
สารนิเทศภูมิหลัง | |
เกิด | วันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2505 ชีเหม่ยเจิน ฮ่องกง |
คู่สมรส | "เหมียวเฉียวเหว่ย" (พ.ศ. 2533-ปัจจุบัน) |
อาชีพ | นักแสดง |
ปีที่แสดง | -ปีพ.ศ. 2525-2533 -ปีพ.ศ. 2551-ปัจจุบัน |
ผลงานเด่น | -บท "เย่ว์หลิงซัน" เรื่อง "กระบี่เย้ยยุทธจักร" (พ.ศ. 2527) -บท "ฮูหยินหู" เรื่อง "จิ้งจอกภูเขาหิมะ" (พ.ศ. 2528) -บท "สมเด็จ พระมเหสีเจิน" เรื่อง 13 ฮ่องเต้ตำนานจักรพรรดิราชวงศ์ชิง (พ.ศ. 2535) |
สังกัด | ทีวีบี |
ฐานข้อมูล | |
IMDb |
ชีเหม่ยเจิน (จีน:戚美珍) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "เจมี่ ชี" (อังกฤษ:Jaime Chik) เป็นนักแสดงหญิงชาวฮ่องกงที่มีชื่อเสียง คนหนึ่งในยุค 80s บทบาทที่เธอได้รับมักจะเป็นนางรองมากกว่านางเอก แต่ในอดีตด้วยใบหน้าที่คล้ายลูกครึ่งของเธอ และยังเป็นนักแสดงหญิงที่แต่งตัวขึ้นทั้งแนวสากล และชุดจีนโบราณ จึงทำให้เธอได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่สวยที่สุดของ "สถานีโทรทัศน์ทีวีบี"[1][2] [3][4][5][6][7] [8][9][10][11][12][13][14][15][16][17][18][19][20]
ชีเหม่ยเจิน จัดเป็นนักแสดงหญิงสาวสวยแห่งยุค 80s ที่ส่วนใหญ่จะได้รับบทเป็นนางรองมากกว่านางเอก ในยุคสมัยนั้นถือได้ว่าเธอเป็นนักแสดงหญิงที่มีใบหน้างดงามมากคนหนึ่ง ด้วยมีใบหน้าที่ดูเป็นลูกครึ่ง และดวงตาที่กลมโต บางสื่อตั้งฉายาให้เธอว่าเป็น "แหม่ม ไชนีส" แม้ผลงานช่วงแรก ๆ ของเธอจะอาศัยใบหน้าเป็นจุดขายเพียงอย่างเดียว เพราะฝีมือการแสดงยังไม่ดีนัก แต่ต่อมาก็ได้รับการฝึกฝีมือการแสดงกับดาราดัง ๆ รุ่นพี่ ๆ ที่เคยเป็นตัวประกอบมาก่อนอย่าง โจวเหวินฟะ เยิ่นต๊ะหัว และ หลี่ เหลี่ยงเหว่ย ทำให้ฝีมือการแสดงของเธอดีขึ้นมาได้ และแน่นอนว่า ตั้งแต่นั้นไม่ว่าจะเป็นละครแนว กำลังภายใน หรือละครแนว แนวสากล เธอก็ทำได้ดีกับบทบาทที่เธอได้รับ เธอมีผลงานที่ดังน้อยเรื่อง เมื่อเทียบกับนักแสดงสาวคนอื่นในยุคเดียวกันกับเธอ และบทบาทที่คอหนังฮ่องกงจดจำเธอได้มากที่สุด คือการรับบทนางรอง "เย่ว์หลิงซัน" ในละครเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร เวอร์ชันในปีพ.ศ. 2527 ที่มีผู้คนจดจำเธอได้มากกว่านางเอกของเรื่อง คือ เฉิน ซิ่วจู เสียอีก
ในปีพ.ศ. 2533 เธอได้แต่งงานกับ "เหมียวเฉียวเหว่ย" ซึ่งเป็นนักแสดงชายชื่อดังในกลุ่ม "5 พยัคฆ์ทีวีบี" ของยุค 80s และหลังจากนั้นเธอได้ถอนตัวออกจากวงการ เพื่อไปช่วยธุรกิจแว่นตา ของสามี ที่ทำธุรกิจร่วมกับครอบครัวของเธอและยังมียี่ห้อแว่นตาเป็นของตัวเอง จนธุรกิจประสบความสำเร็จมากมายทำให้ทั้งคู่กลายเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวย อีกทั้งเธอก็ยังเป็นแม่ของลูก 2 คน อีกด้วย
ในปีพ.ศ. 2545 ครอบครัวของเธอได้ตัดสินใจเซ้งธุรกิจแว่นตาให้ชาวออสเตรเลีย แล้วกลับเข้าวงการอีกครั้งในปีพ.ศ. 2551 มาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะหมดยุคทองของเธอไปนานแล้วก็ตาม
ชีเหม่ยเจิน เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2505 ที่ฮ่องกง ในครอบครัวที่อบอุ่นและมีฐานะร่ำรวย ทางบ้านของเธอเปิด "ธุรกิจแว่นตา" ในวัยเด็กเธอมีเพื่อนบ้านใกล้เคียง อย่าง โจวซิงฉือ ต่อมา โจวซิงฉือได้รู้จักกับพี่ของเธอ และสนิทกันทำให้ ชีเหม่ยเจิน กลายเป็นน้องสาวที่แสนดีของเขา คนหนึ่ง ต่อมาเมื่อเธอจบการศึกษาระดับมัธยมต้นที่โรงเรียนมัธยมศึกษา เซียงต้าว (Xiangdao) แล้วเธอได้เข้าเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนมัธยมศึกษาคาทอลิก หมิงหยวน (Mingyuan) หลังจากที่เธอเรียนจบม.6 แล้ว เธอได้ไปสมัครเรียนการแสดงที่โรงเรียนสอนการแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ในรุ่นที่ 10 ในปีพ.ศ. 2524 โดยในรุ่นเดียวกับเธอมี หลิวเต๋อหัว เหลียง เจียฮุย และ อู๋เจียลี่ ว่ากันว่า..ในช่วงที่เธอกำลังเรียนการแสดงอยู่นั้น ด้วยใบหน้าที่สวยโดดเด่นกว่าคนอื่นในรุ่นเดียวกัน ทำให้ครูสอนการแสดงชื่นชอบและผลักดันเธอเป็นอย่างมาก เธอใช้เวลาเรียนประมาณ 1 ปี หลังจากเรียนจบเธอก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของทางช่อง ทีวีบี โดยทันที
ในปีพ.ศ. 2525 เธอได้เริ่มงานแสดงอย่างเต็มตัวในบทบาทนางเอกจากละครสากลแนวตลกเรื่อง "เขย่าเหลี่ยมเซียน" หรือ (You only live twice 1982 :飞越十八层) เป็นการแสดงคู่กับนักแสดงหนุ่ม "เหมียวเฉียวเหว่ย" ทั้งคู่พบรักกันในกองถ่ายละครเรื่องนี้ ด้วยการปิ๊งกันดัวยสายตา เขาจีบเธอโดยการขับรถไปส่งเธอที่บ้านหลังเลิกกอง และซื้อของมาให้เธอทาน จนความสัมพันธ์เริ่มพัฒนา และต่อมาก็ได้คบกันเป็นแฟนอย่างเปิดเผย เรื่องนี้เป็นผลงานแจ้งเกิดที่ทำให้มีคนเริ่มรู้จักเธอ ต่อมาเธอได้เล่นละครกับหวงเย่อหัว กับบทนางเอกใน เรื่อง "ยอดรักนักแข่ง" (The Roller Coaster 1982 :过山车) แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยดัง ต่อมาเธอรับบทนางรอง จากละครกำลังภายในเรื่อง "ฤทธิ์ฝ่ามืออรหันต์" (七彩如來神掌 THE BUDDHA'S MAGIC PALM 1982) ร่วมแสดงกับ โอวหยัง เพ่ยซัน และ จิ่งไต้อิง เรื่องนี้ค่อนข้างได้รับความนิยม ในปีเดียวกันนั้น เธอก็เป็นหนึ่งในตัวเก็ง ที่คาดว่าจะได้รับบท"อึ้งย้ง" กับละครกำลังภายในฟอร์มใหญ่ เรื่อง มังกรหยก ภาค1 ที่จะมีการรีเมค ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทว่า..บทนี้กลับไปตกเป็นของดาราสาวหน้าใหม่อย่าง "องเหม่ยหลิง" แทน
ปีพ.ศ. 2527 เธอได้รับบทนางรองในละครกำลังภายในฟอร์มใหญ่ประจำปี ที่มีดาราดังอย่างโจวเหวินฟะ แสดงนำเรื่อง "กระบี่เย้ยยุทธจักร" หรือ (The Smiling, Proud Wanderer 1984 :笑傲江湖) และนางเอกคือ เฉินซิวจู่ แต่พอออกฉายปรากฏว่าเธอกลับดังกว่านางเอกของเรื่อง ด้วยบทนางรองที่แย่งซีนนางเอกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความสวยของเธอที่ถูกพูดถึง และถึงแม้ว่า...ละครชุดนี้จะไม่ประสบความสำเร็จในแง่คำวิจารณ์ เอาเสียเลย เพราะถูกหลายสื่อสับเละเป็นอย่างมากในตอนที่ออกฉาย แต่ถือได้ว่าละครเรื่องนี้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ที่ทำให้เธอดังขึ้นมาและยังถือว่าเป็นผลงานของเธอที่ถูกจดจำจากแฟนละครหนังชุดฮ่องกงมากที่สุด ผลงานเด่นอีกเรื่องเป็นละครแนวอภินิหารเรื่อง "ศึกชิงจ้าวยุทธจักร" (The Sacred Commandment 1984 :武林圣火令) นำแสดงโดย ฮุ่ยเทียนซือ และ จ้าว หย่าจือ ต่อมาในปีเดียวกันก็ได้เกิดกระแสข่าวลือที่ดังกว่างานละครของเธอ เกี่ยวกับเรื่องราว รักสามเส้าระหว่างเธอ กับแฟนหนุ่ม เหมียวเฉียวเหว่ย และดาราสาวชื่อดัง องเหม่ยหลิง ขึ้นมา สาเหตุเพราะในปีนี้ผลงานละครที่เล่นคู่กันระหว่าง เหมียวเฉียวเหว่ย กับ องเหม่ยหลิง นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้ทั้งสองกลายเป็นคู่ขวัญในจอ จนบรรดาแฟนคลับของคนทั้งคู่และบรรดาสื่อต่าง ๆ พยายามเชียร์ให้ทั้งสองเป็นแฟนนอกจอ กันจริง ๆ จนมีข่าวลือว่า ชีเหม่ยเจิน เกิดไม่พอใจที่ องเหม่ยหลิง ไปใกล้ชิด สนิทสนม กับ เหมียวเฉียวเหว่ย แฟนหนุ่มของเธอมากเกินไป ต่อมาก็มีข่าวลือออกมาอีกว่าความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนระหว่าง เธอ กับ องเหม่ยหลิง ถึงขึ้นแตกหักแบบเงียบ ๆ เพราะเธอเข้าใจผิดคิดว่า องเหม่ยหลิง คิดจะแย่ง เหมียวเฉียวเหว่ย ไปจากเธอ แต่ต่อมาเธอก็ออกมา ปฏิเสธว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะเธอไม่เคยถือโกรธ องเหม่ยหลิง เลย
ในปีพ.ศ. 2528 ปีนี้เข้าสู่ยุคทองของเธอ อย่างแท้จริง เพราะในปีนี้เธอดังมากทั้งเรื่องงานละคร และข่าวฉาวที่เข้าไปพัวพันถึงสาเหตุการตายของดาราสาวชื่อดัง องเหม่ยหลิง ในขณะนั้น มีทั้งกระแสข่าวด้านลบและด้านบวกเกี่ยวกับตัวเธอมากมาย เพราะทั้งเธอและ ทังเจิ้นเยี่ย ถูกนำไปเชื่อมโยงว่าเป็นเหตุทำให้ องเหม่ยหลิง ต้องคิดสั้น เพราะมีข่าวลือว่า ก่อนหน้านี้ ชีเหม่ยเจินได้ไปปรับทุกข์และพูดเกี่ยวกับ องเหม่ยหลิงในทางที่ไม่ดีให้ดาราหนุ่ม ทัง เจิ้นเยี่ย (ซึ่งเป็นแฟนของ องเหม่ยหลิง) ฟัง ประมาณว่า องเหม่ยหลิงคิดจะแย่งเหมียวเฉียวเหว่ยไปจากเธอ ทำให้ทังเจิ้นเยี่ยและองเหม่ยหลิงมีปากเสียงขัดแย้งกัน จนกลายเป็นหนึ่งในหลายสาเหตุซึ่งนำไปสู่การเลิกลาของทังเจิ้นเยี่ย กับ องเหม่ยหลิงในเวลาต่อมา หลายคนคาดเดาว่า นี้อาจเป็นหนึ่งในหลายสาเหตุที่ทำให้ องเหม่ยหลิง กลายเป็นโรคซึมเศร้า จนต้องคิดสั้นฆ่าตัวตาย ในเดือนพฤษภาคม ของปีเดียวกัน.
ถึงแม้..จะมีข่าวฉาวมากมาย แต่ในปีนี้เธอก็มีผลงานเด่นหลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน และแต่ละเรื่องก็เพิ่มชื่อเสียงให้เธอมากขึ้น อาทิเช่น เรื่อง "จิ้งจอกภูเขาหิมะ" หรือ [The Flying Fox of Snowy Mountain 1985 :雪山飛狐) ที่ร่วมแสดงนำกับ หลี เหลี่ยงเหว่ย เจิ้ง หัวเชี่ยน และเจ้า หย่าจือ และยังเป็นผลงานเรื่องเยี่ยมอีกเรื่องในปีนั้นด้วย ตามด้วยละคร "ขุนศึกตระกูลหยาง" หรือ (The Yang's Saga 1985 :楊家將) ที่มีดาราชื่อดังคับคั่งมาร่วมแสดง และยังเป็นละครชุดที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 18 ปีของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี อีกด้วย โดยเธอรับบท "องค์หญิงชิงเหลียน" ต่อมาผลงานเด่นกับบทนางรอง ในละครยอดนิยมเรื่อง "ขวัญใจโปลิส" ภาค2 หรือ (Police Cadet '85 :新紮師兄續集) ที่เธอร่วมแสดงกับดาราดังอย่าง โจวเหวินฟะ และ เหลียงเฉาเหว่ย ผลงานเหล่านี้ทำให้ในปีนั้นเธอมีรายชื่อติด หนึ่งในสิบ นักแสดงยอดนิยมสูงสุดแห่งปี ไปครอง
ในปีพ.ศ. 2529 เป็นปีทองของเธออีกปี โดยมีผลงานละครสากลสุดฮิตเรื่อง "พลังหนุ่มใจเพชร หรือ (The Turbulent Decade 1986 :黃金十年) ร่วมแสดงกับ หลิวเจียหลิง และ สือซิว และอีกผลงานอิงประวัติศาสตร์เรื่อง "หลินชง แห่งเขาเหลียงซาน"หรือ (The Unyielding Master Lim 1986 :林沖) ร่วมนำแสดงโดยเกาสง ทังเจิ้นเยี่ย กวนหลี่เจี๋ย และ เฉินหมิ่นเอ๋อ ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ทำให้ในปีนั้นเธอติดหนึ่งในสิบนักแสดงยอดนิยมสูงสุดแห่งปี
ในปีพ.ศ. 2530 ประเดิมด้วยงานละครอิงประวัติศาสตร์เรื่อง "ขุนพลเจิ้งเฉินกง" (郑成功 1987) ประกบกับ หลี่ เหลียงเหว่ยและยังมี หันหม่าลี่ กับ อู๋เจียลี่ ร่วมแสดง ต่อมาเธอได้ร่วมแสดงในบทรับเชิญที่ออกไม่กี่ฉาก ในละครฟอร์ใหญ่แห่งปีเรื่อง "ตำนานอักษรกระบี่" หรือ (The Legend of the Book and the Sword 1987 :書劍恩仇錄) ซึ่งแสดงร่วมกับ เหลียงเพ่ยหลิง เฉินหมิ่นเอ๋อ หลีเหม่ยเสียน เป็นต้น แต่ทว่า...ละครฟอร์มใหญ่เรื่องนี้กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ต่อมาละครเรื่อง "กระบี่มังกรหยก" หรือ (The Dragone Sword 1987 :天龙神剑) นำแสดงโดย เหมียว เฉียวเหว่ย ในเรื่องจะมีนางเอกถึง 3 ภาค ได้แก่ เฉิน ซิ่วเหวิน เจิ้ง หัวเชี่ยน และเธอ
ปีพ.ศ. 2531 ละครสั้นสากลแนวชีวิต 5 ตอนจบเรื่อง "คนปาบ" หรือ (Behind Silk Curtains 1988 :大都會) ที่มีดาราชั้นนำมากมายร่วมแสดง อาเช่น เจิ้งเส้าชิว หวังหมิงฉวน หลี เหม่ยเสียน และ โจวซิงฉือ เป็นต้น และได้เล่นรับเชิญในละครดังของปีนั้นเรื่อง "เดชเซียวฮื่อยี้" (Two Most Honorable Knights 1988 :絕代雙驕) มีดารานำแสดงอย่าง เหลียงเฉาเหว่ย กับ อู๋ไต้หยง ถึงแม้ว่าละครเรื่องนี้จะได้รับความนิยมอย่างมาก และเป็นหนึ่งในสิบละครที่มีเรตติ้งสูงสุดของปีนั้น แต่ชีเหม่ยเจิน กลับรู้สึกว่าในช่วง2ปีหลังมานี้ เธอมักจะได้รับบทนางรองและบทรับเชิญ ที่มีบท เล็กน้อย ไม่กี่ตอน ดังนั้นเมื่อหมดสัญญากับทางช่องเธอจึงตัดสินใจไม่ต่อสัญญา และนับได้ว่าเป็นละครเรื่องสุดท้ายของ เธอกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบีอีกด้วย
หลังจากนั้นเธอได้ออกจากสถานีโทรทัศน์ทีวีบี และหันไปเล่นละครให้กับทางไต้หวันและสถานีโทรทัศน์เอทีวี แทน ในช่วงครึ่งปีหลังของปีเดียวกัน เธอได้เริ่มรับงานแสดงละครที่ไต้หวัน เป็นละครดราม่าเรื่อง *เรื่อง "ลิขิตรักไม่อาจกั้น" หรือ (Love is priceless 1988 :飞跃云裳) ละครเรื่องนี้ได้ผลตอบรับที่ดีในไต้หวัน และได้รับความสนใจจากผู้ชมที่จีน เช่นกัน และนับได้ว่าเป็นผลงานละครเพียงเรื่องเดียวของเธอที่ไต้หวัน
ต่อมาในปีพ.ศ. 2532 เธอได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงให้กับ"สถานีโทรทัศน์เอทีวี" และเป็นช่วงที่เธอกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หลังย้ายค่ายมาอยู่ เอทีวี ชีเหม่ยเจิน กลายเป็นนางเอกเบอร์หนึ่งของค่ายเอทีวี ทันที โดยเริ่มจากละครสากลฟอร์มใหญ่เรื่อง "เถื่อนทรนง" (The Street Cherry Blossom 1989 :野櫻花) โดยเล่นคู่กับ ทัง เจิ้นเยี่ย จากผลงานเรื่องนี้ ทำให้ทั้งสองกลายเป็นคู่ขวัญ ของสถานีโทรทัศน์เอทีวี อีกคู่
ในปีพ.ศ. 2533 ชีเหม่ยเจิน ได้แต่งงานกับ เหมียวเฉียวเหว่ย แฟนหนุ่มที่คบหาดูใจกันมากกว่า 8 ปี มีเพื่อน ๆ ในวงการบันเทิงมาร่วมงานแต่งกันอย่างคับคั่ง อาทิเช่น โจวเหวินฟะ อลัน ทัม หวงเย่อหัวและ หลิวเต๋อหัว เป็นต้น
ในปีนี้ ละครแนวสากลฟอร์มยักษ์ เรื่อง "เลือดรักเลือดแค้น" (Heaven's Retribution 1990 :還看今朝) แสดงนำร่วมกับ หวงเย่อหัว และ อู๋ฉี่หัว เป็นผลงานที่โด่งดังมากของ ทางค่ายเอทีวี ด้วยเรทติ้งที่ได้ถึง 25 จุด และเป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้เธอเป็นอย่างมาก ตามด้วยละครฟอร์มใหญ่อิงประวัติศาสตร์ เรื่อง "13 ฮ่องเต้ตำนานจักรพรรดิราชวงศ์ชิง" (The Rise and Fall of Qing Dynasty :滿清十三皇朝) จากบท "สมเด็จ พระมเหสีเจิน" ที่ทำให้เธอได้รับคำชมมากมาย โดยประกบคู่กับ ทังเจิ้นเยี่ย ในขณะที่เธอกลับมาโด่งดังอีกครั้ง เธอก็ตัดสินใจถอนตัวจากวงการแสดงหันไปทำธุรกิจแว่นตากับสามีโดยมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ธุรกิจประสบความสำเร็จมาก จนกลายเป็นเศรษฐีคนหนึ่งของเกาะฮ่องกง และมีลูกด้วยกันอีก 2 คน
แต่แล้วในปีพ.ศ. 2552 เธอได้กลับมาเล่น ละครสากลฟอร์มยักษ์เรื่อง "หักเหลี่ยมตระกูลโหด" (Born Rich 2009 :金钱诱罪) ร่วมนำแสดงโดย หลี่ เหลี่ยงเหว่ย หลอเจียเหลียง หม่าเต๋อจง และ หยวนหย่งอี้ อีกครั้ง
ปีพ.ศ. 2525:-
ปีพ.ศ. 2527:-
ปีพ.ศ. 2528:-
ปีพ.ศ. 2529:-
ปีพ.ศ. 2530:-
ปีพ.ศ. 2531:-
ปีพ.ศ. 2552:-
ปีพ.ศ. 2531:-
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
, |date=
และ |archivedate=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)[ลิงก์เสีย]
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)[ลิงก์เสีย]
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=
และ |date=
(help)