ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความเกี่ยวกับบันเทิงเรื่องนี้ต้องการเก็บกวาด ตรวจสอบ ปรับปรุง แก้ไขรูปแบบ ข้อมูลบางส่วนมีลักษณะเหมือนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายวิกิพีเดีย ผู้เขียนบทความนี้หรือส่วนนี้อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือมีส่วนได้ส่วนเสียเชิงพาณิชย์ |
หน้านี้มีเนื้อหาเป็นภาษาต่างประเทศ คุณสามารถช่วยพัฒนาหน้านี้ได้ด้วยการแปล ยกเว้นหากเนื้อหาเกือบทั้งหมดไม่ใช่ภาษาไทย ให้แจ้งลบแทน |
ดิอะเมซิ่งเรซ 5 | |
ออกอากาศ | 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 – 21 กันยายน พ.ศ. 2547 |
---|---|
ระยะเวลาการถ่ายทำ | 30 มกราคม พ.ศ. 2547 – 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 |
จำนวนตอน | 12 |
ผู้ชนะ | ชิพกับคิม |
ทวีปที่ผ่าน | 6 |
ประเทศที่ผ่าน | 12 |
เมืองที่ผ่าน | 31 |
ระยะทางการแข่งขัน | 72,000 ไมล์ (115,870 กิโลเมตร) |
จำนวนเลก | 13 |
ซีซั่นก่อนหน้าและถัดไป | |
ก่อนหน้า | ดิ อะเมซิ่ง เรซ 4 |
ถัดไป | ดิ อะเมซิ่ง เรซ 6 |
ดิ อะเมซิ่ง เรซ 5 (อังกฤษ: The Amazing Race 5) เป็นฤดูกาลที่ 5 ของรายการ ดิ อะเมซิ่ง เรซ ซึ่งเป็นเกมโชว์ประเภทเรียลลิตี้โชว์ระดับรางวัลเอ็มมี 8 สมัยซ้อนทางโทรทัศน์ รายการนี้จะมีผู้เข้าแข่งขันเป็นทีมๆ ละ 2 คนซึ่งรู้จักกันมาก่อนแล้ว ทำการแข่งขันโดยเดินทางรอบโลก โดยทีมที่ชนะจะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเกมส์โชว์ดังกล่าวเริ่มออกอากาศในสหรัฐอเมริกาทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส
ตารางแสดงชื่อ ความสัมพันธ์ของผู้แข่งขันในขณะถ่ายทำของแต่ละทีมพร้อมทั้งแสดงสถานะในการแข่งขัน ดังนี้ เรียงตามลำดับผู้เข้าเส้นชัยก่อน (ตารางนี้อาจไม่ได้แสดงข้อมูลที่ตรงกับข้อมูลที่ออกอากาศในโทรทัศน์เนื่องจากข้อมูลที่เพิ่มเข้ามาบางส่วน หรือข้อมูลที่ถูกนำออกไปบางส่วน)
ทีม | ความสัมพันธ์ | ลำดับที่ (ในแต่ละเลก) | ผู้แก้อุปสรรค | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
<1> | <2> | <3> | <4> | <5> | <6> | <7> | 8 | <9ƒ> | <10> | 11 | 124 | 134 | |||
ชิฟกับคิม | คู่แต่งงาน | 82 | 8 | 7 | 1 | 4 | 2 | 1 | 3 | 2 | 4 | 1> | 2 | 1 | ชิฟ 9, คิม 1 |
คอร์ลินกับคริสตี้ | คู่เดท | 7 | 6 | 1 | 2 | 1ƒ | 1 | 2 | 1 | 1 | 1 | 4< | 3 | 2 | คอร์ลิน 8, คริสตี้ 1 |
แบรนเดนกับนิโคล | คู่เดท | 6 | 1 | 3 | 5 | 3 | 4 | 4 | 2 | 5 | 3 | 3 | 1 | 3 | แบรนเดน 9, นิโคล 1 |
ลินดากับคาเร็น | คู่คุณแม่ | 3 | 4 | 6 | 6 | 7 | 6 | 3 | 4 | 3 | 2 | 2 | 4 | ลินดา 4, คาเร็น 6 | |
คามี่กับคารี่ | คู่แฝด | 92 | 9 | 5 | 7 | 6 | 3 | 5 | 5 | 4 | 5 | คามี่ 5, คารี่ 3 | |||
ชาร์ล่ากับมาร์ริน่า | ญาติ | 5 | 2 | 2 | 4 | 2 | 5 | 6 | ชาร์ล่า 4, มาร์ริน่า 2 | ||||||
มาร์แชลกับแลง | พี่น้อง | 2 | 7 | 8 | 3 | 5 | 73 | มาร์แชล 1, แลง 4 | |||||||
บ๊อบกับจอยซ์ | คู่เดททางอินเทอร์เน็ต | 4 | 5 | 4 | 8 | บ๊อบ 1, จอยซ์ 2 | |||||||||
จิมกับมาช่า | พ่อเลี้ยงกับลูกสาว | 10 | 3 | 9 | จิม 1, มาช่า 1 | ||||||||||
แอลิสันกับดอนนี่ | คู่เดท | 1 | 10 | แอลิสัน 0, ดอนนี้ 1 | |||||||||||
เด็นนิสกับเอริก้า | หมั้นกันอีกครั้งหนึ่ง | 11 | เด็นนิส 0, เอริก้า 0 |
หมายเหตุ 1: จำนวนการแก้อุปสรรคของแต่ละคนในช่องนี้ ไม่นับอุปสรรคที่ไม่ได้มีการออกอากาศทางโทรทัศน์
หมายเหตุ 2: ชิพกับคิม และ คามี่กับคาย เดิมมาถึงเป็นลำดับที่ 1 และ 2 ตามลำดับแต่พวกเขาไม่ได้หยิบคำใบ้มา 1 อัน (ข้ามไป) จึงต้องกลับไปหยิบคำใบ้มาให้ครบทำให้พวกเขาตกลงไปอยู่อันดับที่ 8 และ 9 ตามลำดับ
หมายเหตุ 3: มาร์แชลกับแลงต้องออกจากการแข่ขันเมื่อ หัวเข่าของแลงบาดเจ็บ
หมายเหตุ 4: เลก 12 และ 13 ออกอากาศติดกันเป็น 2 ชั่วโมงสุดท้าย
เครื่องหมาย | คำอธิบาย |
---|---|
Route Marker เป็นสัญลักษณ์ธงสีแดงและสีเหลือง เป็นเครื่องหมายประจำสถานที่ที่ผู้เข้าแข่งขันสามารถค้นหาคำสั่งต่อๆ ไป | |
Route Infomation (ข้อมูลเส้นทาง) เป็นสัญลักษณ์ตัวบอกเส้นทางที่ไปยังจุดหมายถัดไป ทีมจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นจะถูกทำโทษปรับเวลาขั้นต่ำในการลงโทษ 30 นาทีบวกกับเวลาที่ได้เปรียบจากการเดินทางที่ผิดไปจากคำสั่ง | |
Detour (ทางแยก) เป็นสัญลักษณ์ตัวเลือกระหว่างภารกิจที่แตกต่างกันสองประการที่ผู้เข้าแข่งขันต้องเลือกทำให้สำเร็จ ภารกิจทั้ง 2 อย่างนั้นมีข้อดีและข้อเสียในตัวมันเองฉะนั้นควรเลือกที่คิดว่าทั้งทีมถนัดเพื่อทำงานให้เสร็จโดยเร็ว จึงจะได้รับคำสั่งต่อๆ ไป ถ้าหากโดนคำสั่งย้อนกลับ ทีมจะต้องกลับมาทำ Detour อีกอันที่ไม่ได้เลือกทำแต่แรก และกลายเป็นว่าจะต้องทำทั้งสองอันนั่นเอง (ถ้าทำไม่สำเร็จจะถูกปรับ 24 ชั่วโมงแต่ในฤดูกาลที่ 17 เป็นต้นมาจะถูกปรับแค่ 6 ชั่วโมงเท่านั้น) | |
Roadblock (อุปสรรค) เป็นสัญลักษณ์ภารกิจที่อนุญาตให้สมาชิกเพียงคนเดียวในทีมสามารถทำได้เท่านั้นและเมื่อเลือกแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนคนทำได้ ผู้เข้าแข่งขันที่เลือกทำนั้นต้องทำงานอุปสรรคนั้นให้สำเร็จก่อน จึงจะได้รับคำสั่งต่อๆ ไป (หลังจากฤดูกาลที่ 5 ได้กำหนดตลอดระยะเวลาการแข่งขันให้ทำได้ไม่เกินคนละ 6-7 ครั้ง โดยมากแล้วจะแบ่งในสัดส่วนพอๆ กันและถ้าทำไม่สำเร็จจะถูกปรับ 4 ชั่วโมง) | |
Face-Off (ภารกิจตัวต่อตัว) เป็นสัญลักษณ์ที่ให้ทีมที่มาขึ้นจุดนี้ รออีกทีมหนึ่งมา และสองทีมจะต้องแข่งภารกิจ ตัวต่อตัว ทีมที่ชนะจะได้คำใบ้ถัดไป ส่วนทีมที่แพ้ต้องรอจนกว่าจะมีอีกทีมถัดมา และแข่งใหม่อีกครั้ง โดยทีมสุดท้ายที่แพ้จะต้องถูกโทษปรับเวลา การแข่งขันภารกิจแบบตัวต่อตัวนี้ จะทำให้ลำดับการแข่งขันเปลี่ยนแปลงได้อย่างมาก | |
Fast Forward (ทางด่วน) เป็นสัญลักษณ์ที่อนุญาตให้ทีมใดก็ตามที่เสร็จสิ้นภารกิจ 1 อย่างเป็นพิเศษ ตามคำสั่งของ Fast Forward เรียบร้อยแล้ว จะสามารถเดินทางต่อไปยัง Pit Stop หรือจุดหมายปลายทางสุดท้ายของด่านนั้นๆ ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านด่านใดๆ อีกในระหว่างทาง สิทธิ์ในการใช้สัญลักษณ์นี้ จะให้เฉพาะกับทีมแรกที่สามารถหาและเสร็จสิ้นภารกิจ Fast Forward เท่านั้นและตลอดการแข่งขันทีมๆ นั้นจะใช้สิทธิ์นี้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ยกเว้นในกฏ Intersection จะสามารถทำ Fast Forward ร่วมกันกับอีกทีมที่จับคู่ได้ถึงแม้ว่าจะเป็น Fast Forward ครั้งที่ 2 ก็ตาม (การใช้ Fast Forward ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นได้น้อยมาก) อย่างไรก็ตาม การได้บัตรทางด่วนนี้ ยังคงไม่รับประกันว่าจะไม่ตกรอบ ถ้ายังคงมาถึงเป็นทีมสุดท้าย (มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากๆ) | |
Express Pass (บัตรผ่านเร่งด่วน) เป็นสัญลักษณ์ให้กับทีมที่มีบัตรผ่านนี้สามารถข้ามงานใดๆ ก็ได้ที่ไม่ต้องการทำ 1 งาน ไม่ว่าจะเป็นงานรูปแบบใดก็ตามและผ่านไปเลยโดยไม่ต้องมีอะไรเป็นการแลกเปลี่ยน ต่างจาก Fast Forward ที่ข้ามทั้งเลกและต้องทำภารกิจตามที่กำหนด 1 อย่างก่อน (บัตรนี้จะถูกให้กับทีมที่เข้ามาเป็นที่ 1 ในเลกแรกของการแข่งขันซึ่งใช้ได้ถึงเลก 8 จาก 12) | |
Salvage Pass (บัตรกอบกู้) เป็นสัญลักษณ์ให้กับทีมที่มีบัตรผ่านนี้สามารถช่วยทีมที่มาถึงเป็นลำดับสุดท้ายไม่ให้ถูกคัดออกได้ หรือจะใช้เพื่อเป็นการช่วยตัวเองไม่ให้ถูกคัดออกด้วยก็ได้ ในกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับการถูกคัดออก (ในเวอร์ชั่นอเมริการจะใช้คำว่า The Save) | |
Yield (ถ่วงเวลา) เป็นสัญลักษณ์ที่อนุญาตให้ทีมที่เลือกใช้สัญลักษณ์นี้มีโอกาสสั่งอีกทีมหนึ่งที่มาที่หลังพวกเขาให้หยุดแข่งได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทีมที่เลือกใช้สัญลักษณ์นี้ สามารถใช้ในการออกคำสั่งกับอีกทีมหนึ่งได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นตลอดการแข่งขัน (ไม่นับรวมกับคำสั่ง ย้อนกลับ) | |
U-Turn (ย้อนกลัับ) เป็นสัญลักษณ์ที่อนุญาตให้ทีมที่เลือกใช้สัญลักษณ์นี้มีโอกาสสั่งอีกทีมหนึ่งที่มาที่หลังพวกเขาให้กลับไปทำงาน Detour อีกงานที่ไม่ได้เลือกทำ ทีมที่เลือกใช้สัญลักษณ์นี้ สามารถใช้ในการออกคำสั่งกับอีกทีมหนึ่งได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นตลอดการแข่งขัน (ไม่นับรวมกับคำสั่ง ถ่วงเวลา) | |
Intersection (จุดร่วมมือ) เป็นสัญลักษณ์ที่สั่งให้ทีมต้องจับคู่กับอีกทีมทำภารกิจทุกๆ อย่างร่วมกัน ถ้ามาถึงจุดที่มีคำสั่งแต่ยังไม่มีทีมร่วมงานก็จำเป็นต้องรอและเมื่อมีคำสั่งยกเลิก Intersection จึงจะทำการแข่งขันแบบปกติได้ | |
Speed Bump (งานเพิ่มเติม) เป็นสัญลักษณ์ที่สั่งให้ทีมที่ได้สัญลักษณ์นี้ต้องทำงานเพิ่มอีก 1 งานในเลกถัดไป เนื่องจากเป็นการลงโทษที่มาถึงเป็นทีมสุดท้ายแต่ไม่ถูกคัดออกในเลกที่แล้ว โดยจะเป็นงานพิเศษ ที่ไม่เหมื่อนกับงานทั่วไปที่แข่งในเลกนั้นๆ ทำให้ทีมที่ได้บทลงโทษนี้ ทำงานเพิ่มมากกว่าปกติอีก 1 งานในเลกนั้น คล้ายกับ Handicap ต่างกันตรงที่เป็นงานใหม่เพิ่มขึ้นมาต่างหาก | |
Handicap (เพิ่มจำนวนชิ้นงาน) เป็นสัญลักษณ์ที่สั่งให้ทีมที่ได้สัญลักษณ์นี้ต้องเพิ่มจำนวนชิ้นงานมากกว่าปกติ เนื่องจากเป็นการลงโทษที่มาถึงเป็นทีมสุดท้ายแต่ไม่ถูกคัดออกในเลกที่แล้ว เช่น ในงานธรรมดาทั่วไปปกติให้ทำ 50 ชิ้นแต่ทีมที่ได้สัญลักษณ์นี้ต้องทำ 75 ชิ้น เป็นต้น คล้ายกับ Speed Bump ต่างกันตรงที่เป็นงานปกติทั่วไปในเลกนั้นๆ เพียงแต่เพิ่มจำนวน | |
Pit Stop (จุดหยุดพัก) เป็นสัญลักษณ์จุดหมายปลายทางสุดท้ายของการแข่งขันในแต่ละด่านโดยทีมที่มาถึงเป็นทีมสุดท้าย อาจจะถูกคัดออก หรือบางครั้งจะมีการเตือนในคำใบ้สุดท้ายก่อนถึงจุดพักเลยว่า ทีมที่มาถึงเป็นทีมสุดท้าย จะถูกคัดออก |
ชื่อตอนในการแข่งขันมักมาจากคำพูดสำคัญ ๆ ของผู้เข้าแข่งขันในเลกนั้น ๆ
ในบางเลก ทางรายการจะมีรางวัลพิเศษให้กับทีมที่มาถึงจุดพักเป็นทีมแรก สำหรับรางวัลที่เป็นแพ็กเกจทัวร์ทั้งหมดสนับสนุนโดยแทรเวลโลซิตี้
เดินทางโดยเครื่องบิน; เดินทางโดยรถไฟ; เดินทางโดยเรือ; เดินทางโดยรถประจำทาง; ไม่มี = เดินทางโดยรถยนต์หรือเดิน |
ทางแยก อุปสรรค ทางด่วน ถ่วงเวลา จุดหยุดพัก |
The Detour for this Leg of the Race was Zips or Chips. In both detours, teams must get in the hotel. In Zips, teams had to ascend into a penthouse of the hotel across and travel by zip-line 210 ฟุต (64 เมตร)* above the ground, then take a second zip line 18 stories down to the hotel pool to receive their next clue. In Chips, teams had to play roulette in the hotel casino with 20 chips and would receive their clue if they won a game. If they lost all of their chips, they would have to do the Zips task.
The second Detour was Perro or Tango. In Perro, teams must take on the extremely popular job of dog walking. They had to walk eight dogs on a 1-mile course, while using a provided map to navigate past a series of checkpoints to their final destination, La Flor. They were able to begin the task outside the cemetery. In Tango, teams had to travel to crowded streets across the city to a theater, which was filled with tango dancers, who looked similar to each other. Teams were given a photo of a tango dancer; their task was to find the dancer who matched their photo. If the teams gave it to the wrong dancer, the dancer would take the photo. If they were unsuccessful, they would have to get a new picture and try again. The first Roadblock of the race was to play a game traditionally played by children in a ranch, ribbon roping. One team member must enter a corral and attempt to remove a bandana from the neck of one of the calves. Since they were not allowed to tackle or pull the animals, the task could prove frustrating. A gaucho woman would give them their next clue.
The Roadblock required one team member to search through 11,000 chocolates (by biting into them) until they located one with a white center. Of these 11,000 chocolates, 20 of them had a white center. When the white center is found, they would get their next clue. The Detour was Smooth Sailing or Rough Riding. In Smooth Sailing, each teammate had to paraglide in tandem with an instructor off a 5000 ft. mountain. When they successfully landed, they would get their next clue. In Rough Riding, each team must ride a mountain bike on a 6 mi. course down the mountain. When they had completed the course, they would receive their next clue.
This leg's Detour was Block 5 Shots or Drink 1 Shot. In Block 5 Shots, teams had to travel to an ice hockey rink, put on a protective gear and step to the goal's position to block five slap shots by professional hockey players. If the shots are blocked, a coach would get their next clue. In Drink 1 Shot, teams had to travel to Archikov Palace, and perform a cossack ritual: Balance a shot glass of vodka on the blade of a saber, and tilt the sword to drink the vodka, without dropping the glass. When they are done, they would receive their next clue. The Roadblock required one team member to eat 1 kg. of caviar. When the caviar is successfully eaten, a waiter would get their next clue.
In this Fast Forward, teams had to carry a sarcophagus and transport it via ferry into the temple and deliver it to the priest to win the Fast Forward. In the Roadblock for this leg of the race, one team member had to descend down a series of ladders into Osiris Shaft 140 ฟุต (43 เมตร)* below sea level. Next, they retrieve a satchel containing puzzle pieces and which presented it to an Egyptologist for getting the next clue. The Detour was Rock & Roll or Hump & Ride. In Rock & Roll, teams had to use traditional techniques to transport 600 ปอนด์ (270 กิโลกรัม)* of two-stone rock across an area the size of football field. In Hump & Ride, teams had to pick a pair of horse and two camels loaded with carpets to a merchant.
The Detour for this leg of the Race was Herd It or Haul It. In both detours, teams have travel by kalesh, a traditional carriage. In Herd It, teams had travel to Banana Island for load ten goats into a sailboat and deliver them to a shepherd on the other side of the Nile River and give the animals to a waiting shepherd for exchange in their next clue. In Haul It, teams travel 3 ไมล์ (4.8 กิโลเมตร) to a pigeon farm and use a traditional device to haul water from the Nile into an urn and transport it by donkey to fill a cistern. When it is filled in a correct mark, they will get their next clue. In the Roadblock, one team member had to choose a large dig site to use archeological tools to dig, in a plot of sand, for unearth a scarab, a beetle stone carving which is a part of Egyptian mythology. When the scarab is found, an archeologist will give them their next clue.
The Detour was Buzzing or Busy. In Buzzing, teams had to travel by bicycle to a local honey farm, put on a beekeeper suits and harvest 2 kg. of honey from traditional African hives. When its successful, they would receive their next clue. In Busy, teams had to travel to a furniture store and deliver two chairs to a specified house. When the chairs are delivered in a right address could take a long time, the house owner would give teams a receipt. Teams then have to return to the shopkeeper and give him the receipt to get their clue. The Roadblock required one team member to eat an ostrich egg, cook a portion of it equal to two dozen chicken eggs and eat it to get their next clue.
The unaired Roadblock involved one team member to buying nuts in the market and delivering them to a ship. The Detour was Off Plane or Off Road. In Off Plane, teams had to travel to the Al Quwain Aero Club and tandem skydive 10,000 ฟุต (3,000 เมตร) with an instructor to a landing site in the Margham Dunes. When they had successfully landed in correct zone, they would get their next clue. In Off Road, teams had to travel directly to the Margham Dunes, where they must drive a marked 4x4 over a 6 mi. course to the desert and ending at the skydiving landing site. Teams could get stuck in the sand, forcing them to radio for help, which could take a long time.
The Fast Forward instructed teams to travel 7 ไมล์ (11 กิโลเมตร) to a temple and engage in head shaving, a traditional Hindu ritual. Once both team members were completely bald, they would win the Fast Forward clue. Brandon and Nicole considered using the Fast Forward, but when they discovered that they had to shave their heads to win the Fast Forward, they decided not to do it. This Fast Forward reappeared in season 7. For the Roadblock, one team member was required to use a traditional Indian mold to make 20 mud bricks. If they weren't filled in the correct way, they fell apart. Once the factory worker determined that they were all properly formed, they would receive their next clue. The Detour required a choice between Heavy but Short or Light but Long. In Heavy but Short, teams had to travel over 10 ไมล์ (16 กิโลเมตร) to Landsdowne to transport a taxi a half-mile to a local garage. The taxis have no engines, so teams had to push the taxi in a short distance, where the owner will hand them their next clue. In Light but Long, teams had to travel to Kolkata's largest flower market to find a particular stall and receive a garland, which they must then release into the Ganges River for good luck to receive their next clue.
The Detour was Clean or Dirty. In Clean, teams had to drive 13 ไมล์ (21 กิโลเมตร) to Okere Falls and perform an adventure sport called river sledging. With the help of the two guides, teams must complete 1 ไมล์ (1.6 กิโลเมตร) course with only a small board, called a sledge for protection. In Dirty, teams had to travel ten miles (16 km) to Hell's Gate and search for clues buried in a hot mud pit. In the Roadblock, one team member had to inflate a Zorb and ride it bouncing down to a hillside. It has a water inside to protect against scraping from plastic. At the bottom of the hill, the rider had to walk the Zorb a short distance to cross a finish line, then get out and join his/her teammate and run to the Pit Stop.
In the Roadblock for this leg, one team member had travel to Auckland Harbour Bridge and climb 75 ft. ladder to the girders beneath the roadway. From there, he or she had to walk along the girders until they reached the clue on the other side. They were then lowered to a waiting boat below. The Detour was Plow or Fowl. In Plow, teams had to choose a marked field and use an ox-drawn plow to till the soil, until the plow caught on a buried rope attached to a hidden clue. In Fowl, teams had to work together and herd 1,000 ducks from one pen to another 50 หลา away.
In the one aired choice for the Detour, teams had to put on snorkel gear and search underwater for one of four giant clams containing their next clue. The Roadblock for this leg was for one team member to climb a 150 ft. rock wall using an ascender. Upon completing the ascent, he/she would get the next clue and rappel down back to his/her partner.
There was a final Roadblock of this race, which went unaired, that required one team member to build a teepee outside the Banff Springs Hotel. The final Detour was Slide or Ride. In Slide, teams had to complete the Olympic course on a two-man luge at speeds up to 40 miles per hour, needs to complete the course in 34 seconds or less. If they failed, they had to keep trying until they hit the target time. In Ride, teams had to use mountain bikes to complete the Olympic slalom course in three minutes or less. If they failed to finish in required time, they must keep trying to complete the time for receiving the clue.